ลีกาชิง มหาเศรษฐีฮ่องกงแนะวิธีออมเงิน มีบ้านมีรถภายใน 5 ปี

0

ลีกาชิง มหาเศรษฐีฮ่องกงแนะวิธีออมเงิน มีบ้านมีรถภายใน 5 ปี

เรื่องราวของมหาเศรษฐีชื่อดังฮ่องกง ลีกาชิง เขาแนะวิธีเก็บเงินให้สามารถมีบ้านมีรถภายใน 5 ปี ต้องทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ลีกาชิง มหาเศรษฐีในวัย 85 ปี เขาต่อสู้ชีวิต รับผิดชอบดูแลครอบครัว เป็นหัวหน้าครอบครัวแทนบิดาที่จากไป ตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ มานะบากบั่นจนกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในฮ่องกง ได้ฉายาว่า ซูเปอร์แมนหลี่ หรือผู้ร่ำรวยมหาศาลมีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 16,000 ล้านเหรียญ มีธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม สถานีโทรทัศน์ ท่าเรือขนส่ง บริการอินเตอร์เน็ต และอสังหาริมทรัพย์ ลีกาชิง เขาจึงได้ถ่ายทอดบทเรียนชีวิตสำคัญเกี่ยวกับเงิน 5 กอง

*หมายเหตุ 1 หยวน ประมาณ 5 บาท

ลีกาชิง แบ่งปันการบริหารจัดการด้านเงินของเขา ในการวางแผนเกี่ยวหกับเงินที่สร้างแรงบันดาลใจ 5 ปีที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างสิ้นเชิง ดังต่อไปนี้

สมมติว่ามีรายได้ต่อเดือน 2,000 หยวน คุณมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ โดยการที่คุณแบ่งเงินเป็น 5 ส่วน

ส่วนแรก 600 หยวน

ส่วนที่สอง 400 หยวน

ส่วนที่สาม 300 หยวน

ส่วนที่สี่ 200 หยวน

ส่วนที่ห้า 500 หยวน

เงินส่วนแรก 600 หยวน ให้เก็บเอาไว้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีง่าย ๆ คือแบ่งเงินใช้ในแต่ละวันให้ใช้จ่ายไม่เกิน 20 หยวน/วัน มื้อเช้าของทุกวันกินวุ้นเส้น ไข่หนึ่งฟอง และนม 1 แก้ว ส่วนมื้อกลางวันกินอาหารเบา  ๆ และผลไม้ มือเย็นทำอาหารเองที่ประกอบด้วยผัก และดื่มนม 1 แก้วก่อนนอน ในหนึ่งเดือนค่าใช้จ่ายตกประมาณ 500-600 หยวน เมื่ออยู่ในวัยหนุ่มสาวร่างกายยังแข็งแรงในช่วงปีแรก การกินอยู่แบบนี้ก็เพียงพอเเล้ว

เงินส่วนที่สอง 400 หยวน ให้เก็บไว้สำหรับการสร้างเพื่อนและเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในแวด วงสิ่งนี้จะทำให้มั่งคั่งขึ้น กันไว้ 100 หยวนสำหรับค่าโทรศัพท์ กันเงินไว้สำหรับกินข้าวกับเพื่อน 2 มื้อ/เดือน มื้อละ 150 หยวน แล้วใครคือคนที่คุณสมควรจะกินข้าวด้วย คือคนที่มีความรู้มากกว่าคุณและรวยกว่าคุณหรือคนที่จะช่วยสนับสนุนคุณในด้านการงานได้ ต้องทำแบบนี้ทุกเดือน หลังจากนั้น 1 ปีแวด วงเพื่อนของคุณจะช่วยสร้างคุณค่ามากมายมหาศาลให้กับคุณ ชื่อเสียงและอิทธิพลจะเพิ่มมูลค่าเป็นที่จดจำ ภาพลักษณ์ของคุณจะเป้นที่รู้จักและเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง

เงินส่วนที่สาม 300 หยวน เก็บไว้ลงทุนกับการเรียนรู้ ควรจ่ายเงินประมาณ 50 ถึง 100 หยวน ในการซื้อหนังสือมาอ่านมีเงินไม่มาก เมื่อซื้อหนังสือมาอ่านได้แต่อย่าเอาเยี่ยงอย่างเเต่จงอ่านหนังสือแต่ละเล่มแล้วเล่าเรื่องราวเป็นภาษาของตัวเอง เพราะการแบ่งปันความรู้กับคนอื่นจะช่วยให้คุณได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นคนที่น่าสนใจ และประหยัดเงินเดือนละ 200 หยวนเพื่อเข้าคอร์สอบรมต่าง ๆ เมื่อคุณรายได้เพิ่ม ให้เก็บเงินส่วนนี้เพิ่มขึ้นและเข้าร่วมคอร์สอบรมในระดับที่สูงขึ้น เมื่อคุณเข้าร่วมคอร์สอบรมที่ดีจะช่วยให้คุณมีทั้งความรู้ที่ดีและยังช่วยให้เจอเพื่อนที่ดีมีความคิดเหมือนกัน

เงินส่วนที่สี่ 200 หยวน เก็บไว้ใช้สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศในวันหยุด เพื่อเป็นการให้รางวัลกับตัวเองโดยการเดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในชีวิตของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ให้พักในโฮสเตลราคาประหยัด ในเวลาไม่กี่ปีผ่านไปคุณจะเดินทางไปหลายประเทศและจะมีประสบการณ์หลากหลาย ได้ใช้ประสบการณ์เพื่อเพิ่มพลังใหม่ให้ตัวเองมีแรงผลักดันให้ตัวเองต่อไป

เงินส่วนที่ห้า 500 หยวน ให้เก็บไว้ลงทุน ฝากไว้ในธนาคารเพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นทำธุรกิจ เงินทุนสามารถใช้ในการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็ก ๆ การเริ่มจากธุรกิจมักจะปลอดภัยในการเริ่มต้น ไปหาผู้ค้าส่งและหาสินค้ามาขาย แม้ในช่วงแรกจะขาดทุน แต่ก็เสียเงินไปไม่มาก และเมื่อคุณเริ่มหาเงินได้จากธุรกิจนั้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความกล้า ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ของการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็ก ๆ เมื่อมีรายได้มากพอคุณสามารถเริ่มมองหาแผนการลงทุนธุรกิจในระยะยาวและลงทุนในหลักทรัพย์ระยะยาวได้ด้วยเงินของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเงินจำนวนนี้ของคุณไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตคุณตกต่ำลง

เมื่อคุณดิ้นรนผ่านไปเป็นเวลาผ่านไปหนึ่งปี ถ้าเงินเดือนคุณยังคง 2,000 หยวน นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้มีความก้าวหน้าขึ้นเลย คุณควรจะสำนึกละอายใจและสั่งสอนตัวเองด้วยการตีตัวเองซะเลย

แต่ถ้าถึงตอนนั้นรายได้ต่อเดือนคุณอยู่ที่ 3,000 หยวน คุณต้องทำงานหนัก คุณต้องหางานเสริม จะเป็นการดีถ้าเป็นงานขาย ทำให้การขายเป็นเรื่องท้าทาย เป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ศิลปะในการขายและความรู้อย่างลึกซึ้งซึ่งสามารถนำไปใช้กับอาชีพและชีวิตจริงของคุณได้ เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มักมีการเริ่มต้นด้วยการเป็นนักขายที่ดี พวกเขามีความสามารถในการขายความฝันและวิสัยทัศน์ คุณจะพบผู้คนมากมายที่มีคุณค่าต่ออาชีพของคุณในภายหลัง เมื่อเริ่มขายคุณจะได้เรียนรู้ว่าอะไรขายได้และอะไรขายไม่ได้ จงใช้ไหวพริบในการตรวจสอบตลาดเป็นวิธีในการดำเนินธุรกิจของคุณและหาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นผู้ชนะในอนาคต

ซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าให้น้อยที่สุดในขณะที่คุณตั้งตัว ให้คิดแบบนี้ว่าคุณจะสามารถซื้อมันทั้งหมดได้เมื่อคุณรวย ประหยัดเงินของคุณและซื้อของขวัญให้คนที่คุณรัก บอกพวกเค้าถึงแผนการและเป้าหมายทางการเงินของคุณ บอกพวกเค้าว่าทำไมคุณถึงต้องประหยัดอดออม บอกความพยายามทิศทางที่คุณกำลังจะไป และความฝันต่าง ๆ ของคุณ

นักธุรกิจทุกคนต้องการ ให้คุณเสนอตัวเองต่อพวกเขาในการช่วยทำงานนอกเวลาในโอกาสต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาความสามารถในตัวของคุณ และคุณจะได้พัฒนาทักษะในการเจรจาของคุณ ในไม่ช้าคุณจะเข้าใกล้เป้าหมายทางการเงิน เมื่อเข้าปีที่สองรายได้ของคุณควรจะเพิ่มเป็น 5,000 หยวน อย่างน้อยสุดก็ควรจะเป็น 3,000 หยวน มิฉะนั้นคุณจะไม่สามารถสู้กับเงินเฟ้อได้เลย

เมื่อคุณจนจงทำดีกับผู้อื่นอย่ามัวแต่คิดเรื่องผลประโยชน์ เมื่อคุณรวยต้องเรียนรู้ที่จะทำให้ผู้อื่นดีต่อคุณ คุณต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้ดีกว่าเป็นคนที่ดีกว่าที่เป็นรู้จักให้ เมื่อคุณจนคุณต้องผลักดันตัวเองออกมาในที่คนอื่นสามารถจะมองเห็นคุณได้ เพื่อให้คนอื่นใช้งานและทักษะที่คุณมี เมื่อคุณรวยคุณต้องรู้จักปกป้องตัวเองอย่าปล่อยให้ใครมาหลอกใช้คุณได้ง่าย ๆ เพราะคนที่หวังผลประโยชน์จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นความซับซ้อนในเส้นทางของชีวิตที่หลายคนยังไม่เข้าใจ

เมื่อคุณจนให้คุณใช้เงินเพื่อทำให้ผู้อื่นรู้จักคุณ แต่เมื่อคุณรวยจงอย่าโอ้อวดตัวเองว่ารวย ใช้จ่ายเงินของคุณในการซื้อของอย่างเงียบ ๆ เมื่อคุณจนคุณต้องเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเมื่อคุณรวยคุณต้องไม่ถูกมองว่าเป็นคนฟุ่มเฟือย ชีวิตของคุณจะวนกลับมาสู่สามัญ คุณควรจะอยู่อย่างเรียบง่ายเมื่อคุณมาถึงจุดนี้ได้

ไม่มีสิ่งใดผิดเมื่อคุณยังหนุ่มสาว คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจน หากคุณดิ้นรนคำว่าจนต้องไม่มีคุณต้องรู้วิธีลงทุนในตัวคุณเอง จะช่วยเพิ่มปัญญาและระดับความสำเร็จให้ คุณต้องรู้ว่าอะไรจำเป็นและไม่สำเป็นต่อชีวิต คุณต้องรู้ว่าอะไรควรหลีกเลี่ยง อะไรไม่ควรฟุ่มเฟือยไปกับมัน วินัยที่จำเป็นอย่างยิ่งในการใช้จ่ายเงินไม่ควรซื้อเสื้อหลายชุดแต่ต้องรู้จักเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีเพียงไม่กี่ชุด อย่ากินข้าวนอกบ้านบ่อย

คุณต้องสามารถยิ้มรับเมื่อถูกเข้าใจผิดเล็กน้อย เมื่อทำผิดต้องยิ้มรับอย่างสงบนั้นคือความใจกว้าง เมื่อคุณทำอะไรไม่ถูกให้คุณค่อยยิ้มอย่างใจเย็นมันจะทำให้คุณอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่ง เมื่อคุณถูกดูหมิ่นและคุณยิ้มได้อย่างสงบคุณคือคนที่มีความมั่นใจ เมื่อคุณถูกปฏิเสธในความสัมพันธ์และคุณสามารถยิ้มได้คุณคือคนอ่อนโยน

ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ดิ้นรน เพื่อที่จะมีเงินเพียงพอต่อการใช้ในการดำเนินชีวิตในเเต่ละวัน แต่มันไม่สำคัญว่าคุณจะรวยหรือจน และนี่คือบทเรียนที่คุณได้เรียนรู้จากมหาเศรษฐีแห่งฮ่องกง ลีกาชิง

เขียน / เรียบเรียงโดย : Postsara

ขอขอบคุณ : เศรษฐีฮ่องกง ลีกาชิง

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here