บางคนที่รวยแล้ว ทำตัวไม่รู้พื้นฐานตัวเองเคยเป็นแบบไหน

0

บางคนที่รวยแล้ว ทำตัวไม่รู้พื้นฐานตัวเองเคยเป็นแบบไหน

สำหรับบางคนที่รวยแล้ว บางครั้งก็ชอบลืมตัวว่าตัวเองนั้นมีพื้นฐานเคยเป็นแบบไหนมาก่อน ซึ่งในบทความวันนี้เราจะสอนให้ใช้ง่ายคิดในเรื่องของการใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง รู้จักประมาณตนโดยที่เราไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร คนจนแค่ขยันหาก็รวยได้แล้ว บางคนรวยอยู่แล้วดันลืมตัวว่าไม่รู้พื้นฐานชีวิตของตัวเองเคยเป็นแบบไหน ชอบดูหมิ่นคนอื่น อย่าลืมว่ารวยได้ก็จนได้เหมือนกัน ไม่มีใครที่จะโชคดีไปตลอด

วันนี้ทางเพจได้คิดก็คิดได้ ได้รวบรวมข้อมูลดีๆและนำเสนอใหม่ รวยแล้วอย่าทะนงตัว อย่าลืมตัว ชีวิตของคนเรามีขึ้นก็ต้องมีลง อย่าได้ดูหมิ่นคนอื่น บทเรียนชีวิตราคาแพง เตือนใจเราได้ “รวยแล้วอย่าทะนงตัวอย่าเป็นวัวลืมteen”

มีอดีตเจ้าของที่ดินมากกว่า 500-600 ไร่คนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนั้นผม มีที่ดินประมาณ 500 กว่าไร่ เป็นที่ดินทุกเขตของกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ตอนนั้นเมื่อประมาณ 30 ปีก่อนผมพกเงินติดกระเป๋ากินดื่มครั้งละเป็นแสน ทำมาหากินได้เงินดีจริงๆในช่วงนั้น ผมส่งลูกทุกคนเรียนเมืองนอกหมดไม่ต้องทำงาน ให้เรียนยางเดียว ภรรยาของผมก็ชอบเล่นหุ้น หุ้นก็ขึ้นเอาขึ้นเอา ทุกอย่างดูดีไปหมด เราทั้งสองคนนั้นมีเงินสดหลายร้อยล้าน

มีอยู่วันหนึ่งญาติคนหนึ่งของผมเดือดร้อนแล้วก็มายืมเงิน ในตอนนั้นผมด่าเขาซะไม่มีชิ้นดี แแต่ก็ให้เงินไปเป็นแสน แล้วก็บอกว่าไม่ต้องมาเห็นหน้าอีก เงินนี้ให้ทาน เขาก็รับเงินไปพร้อมน้ำตา “ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าใครจะคิดยังไง ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความรู้สึกของเขาเป็นยังไง” ในช่วงปีต้มยำกุ้งผมไม่สะดุ้งเลย แต่ในช่วงปีน้ำท่วม น้ำกับพัดทุกอย่างในชีวิตของผมไป

ผมมีรถเกือบ 20 คัน มีบ้านอีก 5 หลัง ที่ดินและเงินสดที่เคยมีแฟนของผมนั้นเล่นหุ้นเจ๊งไปกว่า 400 ล้านบาท ลูกๆทำธุรกิจก็หมดตัวขาดทุนยับเยินในช่วงระยะเวลาภายใน 2 ปี สิ่งที่ผมมีมันหายไปหมดแค่พริบตา เหลือไว้แค่นี้สิน 200 กว่าล้าน ปัจจุบันผมก็คือคนหมดตัวคนหนึ่ง เช่าห้องแถวอยู่พอได้ ขายก๋วยเตี๋ยวหาเช้ากินค่ำ ทำอย่างนี้ไปวันๆ

ผมและภรรยาของผมไม่มีกะจิตกะใจใดๆ ผมไม่เคยเห็นตัวผมเอง ไม่เคยคิดเลยว่าอายุ 70 เกือบ 80 จะต้องมายกหม้อก๋วยเตี๋ยว ล้างจานทุกวัน แต่ในทุกวันนี้ผมรู้สึกงงแล้ว ผมมาลำบากเอาตอนแก่ เงินค่าเช่านี้ผมก็ไปยืมเงินกับกับคนที่ผมเคยด่า ผมจะต้องบากหน้าไปยืมเงิน ในตอนนั้นลูกของเขาได้พูดกับผมว่า “ตอนนั้นพ่อของผมลำบากพ่อผมไปยืมเงินลุง เพราะว่าตอนนั้นเองตัวผมจะต้องเข้าโรงพยาบาล อาการหนัก” พ่อนั่งร้องไห้โดนคุณลุงด่า แล้วก็โยนเงินเหมือนหมา พ่อของผมก็บอกว่าพ่อยอมทุกอย่าง เพราะว่าลูกมีค่ามาก

ผมจะไม่ด่าไม่พูดว่าคุณลุงเหมือนที่ลุงด่าพ่อผมจริงๆ ถ้าไม่ได้เงินคุณลุงผมก็คงจากไปแล้ว ก ร ร มใครก ร ร มมัน
ผมเดินร้องไห้ออกมาถึงบ้านเอาเงินค่าเช่าห้องแถวไปจ่าย ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกนี้มันคือคำว่าก ร ร มตามสนองนั้นเอง

ในตอนนี้ชีวิตของผมมีความสุขดีนะ คนที่ไม่มีงานไม่มีจะกิน มากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านผมผมไม่คิดเงินเลยสักบาท ตอนผมมีเยอะผมเบื่อคนบอกบุญมากๆ เคยทำบุญเลยสักครั้งเดียว ผมมีแต่กินมีแต่เที่ยว ตอนนี้ผมหมดตัวมีหนี้สิน ไร้เพื่อนฝูง ทุกวันนี้ผมเข้าวัดเป็นประจำ รู้จักการให้ทาน ช่วยคนอื่น ทุกวันนี้ผมก็แค่ห่วงภรรยา ผมภาวนาให้ภรรยาของผมจากไปก่อน เพราะผมรู้เลยว่าถ้าผมจากไปก่อนแล้วนั้น ภรรยาของผมจะต้องเหนื่อยหนัก จะต้องจากไปแบบตาไม่หลับอย่างแน่นอน ไม่ต้องถามว่าร้านอยู่แถวไหน เพราะว่าผมจะไม่บอก ผมไม่ได้ต้องการได้หน้าได้ตา เพียงต้องการที่จะมาบอกว่า เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง

เรื่องราวดีๆของผม ขอฝากไว้เพียงเท่านี้ คนที่อ่านจบก็ได้กำไร คนที่พลาดโอกาสนี้ไปก็เพียงโอกาสดีๆ อย่าลืมที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆให้คนอื่นได้รับรู้ เพื่อที่จะสอน ให้คนอื่นได้เรียนรู้ วาดครั้งที่ใช้ชีวิตในแต่ละก้าว อย่าได้ทะนงตัว อย่าได้ลืมตัวเองว่าก่อนหน้านี้เคยเป็นใครมาก่อน

เขียน / เรียบเรียงใหม่โดย : Postsara

ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทุกกรณี

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here