คนบางคน “รวยแล้วชอบลืมตัว” มีเงินเป็นพันล้าน ก็หมดจนไม่เหลืออะไร

0

คนบางคน “รวยแล้วชอบลืมตัว” มีเงินเป็นพันล้าน ก็หมดจนไม่เหลืออะไร

เราจะพบได้บ่อยของคนในยุคปัจจุบันนี้ และเชื่อว่าหลายคนคงจะตั้งคำถามว่า ทำไมคนรวยชอบลืมตัว? เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้นิ ทำไมเดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้ไปได้…

มีเงินน้อยถ้าขยันทำมาหากินก็สามารถรวยได้

แต่คนรวยบางคน รวยแล้วลืมตัว ลืมว่าตัวเองเคยเป็นแบบไหน

เห็นแต่จะดูถูกคนอื่น แต่อย่าลืมนะคะ ว่า “จนได้ก็รวยได้”

ในทางกลับกัน “คนรวยได้ก็อาจจะจนได้เหมือนกัน”

วันนี้เราเลยขอแชร์โพสเตือนสติทุกคนว่า

รวยแล้วอย่าทะนงตัวอย่าลืมตัว

เพราะทุกชีวิตมีขึ้นมีลงเมื่อยามเราล้มจะมีคนคอยจะซ้ำเติมเรา

นี่คือบทชีวิตจากเรื่องจริง ที่อยากจะเตือนใจทุกคน

ว่ารวยแล้วอย่าทำตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

ถ้าเราลำบากตอนไหน ล้มตอนไหน จะไม่มีคนคอยพยุงจะมีแต่คนสมน้ำหน้าเรา

ในอดีตมีเจ้าของที่ดินมากกว่า 500 ไร่เคยเล่าให้ฟังว่า…

เมื่อสมัยก่อนผมมีที่ดินจำนวน 500 ไร่อยู่ในเขตของกรุงเทพฯ

และตามเมืองใหญ่ๆในทั่วประเทศ สมัยนั้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

ผมจะมีเงินพกติดกระเป๋าไปกินครั้งละเกือบ 100,000 บาท

ลูกๆของผมทุกคนส่งเรียนเมืองนอกหมดไม่ให้ทำงานให้เรียนหนังสืออย่างเดียว

ภรรยาของผมชอบเล่นหุ้น เรามีเงินสดเป็นหลายร้อยล้าน

เคยมีญาติคนหนึ่งเดือดร้อนเรื่องเงินมากู้หนี้ยืมสินผม

ผมปฏิเสธเขาและด่าเขาไม่มีชิ้นดีแต่ผมก็ให้เงินเขาไป 100,000 แล้วบอกเขาว่า

ต่อไปนี้ไม่ต้องมาหาอีกนะ “เงินที่ให้ให้ทาน”…ญาติของผมรับเงินพร้อมกับหลั่งน้ำตา

ตอนนั้นผมพูดออกไปผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะรู้สึกยังไง

มาถึงปีที่ต้มยำกุ้งผมก็ไม่สะทกสะท้าน แต่มาถึงปีที่น้ำท่วม น้ำและพัดพาทุกอย่างออกไปจากชีวิตผม

และเมื่อผมคิดจะทำการใหญ่จะตั้งโรงงานอะไหล่ที่อยุธยาผมก็ไม่สามารถทำไม้ได้แล้ว

รถของผมมีทั้งหมด 19 คันบ้านผมอีก 5 หลังที่ดินทั้งหมดและเงินสดที่เคยมี

ภรรยาของผมเล่นหุ้นเสียไป 400 กว่าล้านลูกๆผมต่างทำธุรกิจหมดตัวขาดทุนย่อยยับ

ภายในเวลา 2 ปีสิ่งที่ผมสร้างมามันหายไปเหลือเพียงไว้แต่หนี้สิน 200 กว่าล้าน

“ปัจจุบันนี้ผมคือคนหมดตัวคนนึง”

อาศัยอยู่ที่ห้องแถวขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อประทังชีวิต

ภรรยาของผมก็ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย

ลูกๆของผมต่างไปจากผมและผมไม่เคยเห็นหน้า

วัย 76 ผม ผมยังต้องทำงาน

ทุกวันนี้ผมต้องทำใจยอมรับมันเพราะผมกำลังลำบากตอนแก่

เงินค่าเช่าห้องผม ผมก็ไปยืมกับคนที่เขาเคยยืมผม 100,000 บาทในวันนั้น

เขาคืนเงินให้ผมมา 150,000 บาทพร้อมกับคำพูดว่า

พ่อผมเคยลำบากและต้องอดทนบากหน้าไปยืมเงินคุณลุง

เพราะตอนนั้นผมเองเข้าโรงพยาบาลต้องผ่าตัดสมองและต้องใช้เงิน

คุณลุงโยนเงินให้พ่อเหมือนหมา พร้อมที่จะตีพ่อได้เสมอ

พ่อบอกพ่อยอมทุกอย่างเพราะชีวิตลูกมีค่าของเงิน

เงินที่ผมคืนคุณลุงนี้ 100,000 ที่พ่อผมยืมมาอีก 50,000 ผมถือว่าเป็นดอกเบี้ย

ต่อจากนี้เราจะไม่เป็นหนี้บุญคุณกันอีกต่อไป

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณลุงลำบากคุณลุงมายืมผมผมจะให้กู้

และจะไม่ทำเหมือนที่คุณลุงทำกับพ่อผม

ความจริงก็คือถ้าผมไม่ได้เงินคุณลุงในวันนั้นก็คงไม่มีผมในวันนี้

ต้องขอบคุณพ่อผมที่ยอมอดทนไปยืมเงินคุณลุง

ที่ผมทำทั้งหมดทำเพราะพ่อผมได้บอกไว้ พ่อผมผมดูแลเองได้

ส่วนลูกของคุณลุงไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไง แต่กรรมใครก็กรรมมัน ลูกใครก็ลูกมัน

เมื่อผมได้ยินอย่างนั้นผมกลับบ้านแล้วเอาเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้าน

ผมมีเงินลงทุนเป็นเงินเก็บไว้ประมาณ 30,000 บาท

จากนั้นผมได้เข้าใจความหมายของคำว่า “เวรกรรมมันตามสนอง”

ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลานผมพูดมันเป็นความจริง เขาไม่ได้ด่าผมแต่นั่น คือความจริงที่ผมรับไม่ได้

ตอนนี้ผมมีความสุขดีนะ เห็นใครไม่มีเงินผมก็ให้กินก๋วยเตี๋ยวฟรีๆไม่เคยคิดเงิน

ตอนผมมีเงินเยอะๆผมไม่เคยนึกถึงคนอื่นเลย

เมื่อก่อนผมเที่ยวกินอย่างเต็มที่แต่ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งลูก

มาถึงตอนนี้ผมฟังแต่ธรรมะ เข้าวัดทำบุญทำทาน อีกหน่อยก็คงจากไป

ตอนนี้ผมห่วงแค่ภรรยาของผม ผมอยากให้เขาจากไปก่อนผม

เพราะถ้าเมื่อผมจะไปก่อนเขาผมจะจากไปตาไม่หลับ

เรื่องที่ผมพูดเหล่านี้คงเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคน

ขอให้คุณรวยจงแบ่งปันขอให้คุณจนจงสู้ต่อไปแล้วมันจะมีวันของคุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก : newshotnew

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here