แม่เขามีอาชีพ “เก็บกวาดขยะขาย” แต่ฝ่ายหญิงดูถูก แม่จึงให้ขวัญ

0

แม่เขามีอาชีพ “เก็บกวาดขยะขาย” แต่ฝ่ายหญิงดูถูก แม่จึงให้ขวัญ

ผมชื่อ หมิงๆ เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนผมได้รู้จักกับภรรยาของผมคนนึง เธอเป็นคนที่ผมหลงรักจนหมดหัวใจ รูปร่างของเธอ ริมฝีปากของเธอ ผิวพรรณของเธอ ทุกอย่างดูดีดูขาวไปหมด

ฐานะที่บ้านของเธอนั้นก็ดี แต่ผมน่ะหรอ ผมเป็นเด็กชนบท พ่อแม่จะต้องทำงานหนักเพื่อส่งเสียให้ผมเรียนจบมหาลัย ผมแอบรู้สึกลึกๆว่าตัวเองนั้นไม่คู่ควรกับเธอเลย แต่เป็นเพราะว่าผมรักเธอมาก ผมไม่สามารถไปจากเธอได้

ในครั้งแรกที่เธอไปบ้านของผม เธอก็ไม่ยอมให้เข้าบ้าน ยืนอยู่ที่หน้าบ้าน ผมก็พยายามดึงเธอเข้ามา แต่เธอก็พูดเสียงเบาๆว่า ในบ้านมีกลิ่นแปลกๆ รอบบ้านของผมมีขยะรีไซเคิลไปหมด

ในขณะนั้นเอง แม่ของผมก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับน้ำ 1 แก้ว พร้อมพูดว่า

“ขออภัยด้วยนะ พอดีช่วงนี้ยุ่ง เลยไม่มีเวลาที่จะเก็บของตรงนั้นเลย มันดูรกมาก อย่าดูถูกของเหล่านั้นนะ มันเป็นสมบัติอันมีค่ามหาศาลกับพวกเรา”

เธอไม่กล้าที่จะดื่มน้ำที่แม่ยกมาให้ ได้เพียงแต่รับไว้ในมือแล้วก็วางบนโต๊ะ

ในวันนั้นแม่ผมขอร้อง ผมและแฟนของผมก็นอนค้าง 1 คืน แต่เธอก็ไม่ตกลง ผมจึงจะต้องเดินทางกลับบ้านกับเธอ
ระหว่างทางเธอบ่นให้ผมฟังว่า

“ไหนคุณบอกว่าแม่ทำการค้าไง แล้วทำไมถึงมาเป็นคนเก็บขยะล่ะ”

หลังจากที่ฉันแต่งงานกับคุณแล้ว ฉันต้องมาอาศัยอยู่กับกองขยะเหล่านี้หรอ?

คุณไม่คิดที่จะซื้อบ้านหรอ?

ถ้าไม่ซื้อบ้านฉันก็ไม่ตกลงแต่งงานด้วย

คำพูด 3 ประโยคนี้ทำให้จิตใจผมสับสนมาก

หลังจากนั้นพ่อแม่ของเธอเสนอว่าจะช่วยออกเงินซื้อบ้านให้ แต่ขอให้เป็นคนกตัญญูรู้คุณบิดามารดา แต่พ่อผมไม่ยอม

“เสี่ยวหมิง เขาจะให้ลูกเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านเขา แต่ลูกเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านเรา เพราะฉะนั้นพ่อไม่ยินยอมเด็ดขาด

จากนั้นต่อมา 1 ปี พ่อของผมได้รับอุบัติเหตุขณะทำงาน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา แม่เสียใจกับการจากไปของพ่อมาก และไม่เห็นด้วยกับเรื่องแต่งงานของเรา

ว่าที่ภรรยาของผมจึงเสนอว่า “เอาอย่างนี้ไหม เราไปมาทั้งสองฝ่าย พักบ้านพ่อแม่ฉันช่วงหนึ่ง และไปๆมาบ้านแม่ของหมิงๆด้วย อย่างงี้ดีกว่าไหม ตอนนี้เธอก็รีบตกลงเรื่องแต่งเข้าบ้านมาเป็นลูกเขยกับพ่อแม่ฉันก่อนดีไหม?” ตอนนั้นผมใจอ่อน

แม่เห็นท่าทีของผมที่อยากจะแต่งงานกับเธอมาก จึงยอมตกลงเรื่องงานแต่งของเราด้วยความจำยอม

ใกล้วันงานเข้ามามากแล้ว จู่ๆว่าที่ภรรยาผมก็ถามขึ้นมาว่า “แม่ของคุณจะมาร่วมงานแต่งของเราไหม?” ผมตอบไปว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”

เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “ถ้าอย่างนั้นขอให้แม่ของคุณรักษาภาพพจน์หน่อยได้ไหม เพราะพวกเราจะจัดงานที่โรงแรมชื่อดัง อย่าให้ขายหน้าพ่อแม่ฉันนะ”

ตอนนั้นผมเหมือนมีมีดแทงที่หัวใจ เพราะใบหน้าของเธอที่แสดงออกว่ารังเกียจแม่ผมแค่ไหน ทำให้ผมโกรธมาก เราสองคนก็มีปากเสียงขึ้น สุดท้ายเธอบอกว่าจะไม่แสดงกิริยาแบบนี้อีก และจะเคารพแม่ของผมให้มากขึ้น

ในงานวันแต่งของเราพ่อแม่ของเธอเป็นคนจัดการทั้งหมด ทุกอย่างดูหรูหรามาก แต่แล้วแม่ของผมก็ยังไม่มา งานเริ่มไปกว่าครึ่งรายการก็ยังไม่เห็นแม่ของผม ตอนนั้นในใจคิดว่า “สงสัยแม่คงไม่มาแล้วมั้ง?”

และแล้วแม่ของผมก็มา แต่เธอสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ธรรมดาเหมือนที่ใส่ทุกวัน แม่ไม่ได้ใส่ชุดและรองเท้าที่ภรรยาผมซื้อให้

ทันใดนั้นภรรยาที่สวมชุดเจ้าสาวของผมสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เวลาที่ญาติบ่าวสาวขึ้นถ่ายรูป แขกทุกคนมองแม่ผมตาไม่กระพริบเลย

ถึงแม้ว่าแม่ของผมจะอายุแค่ 48 ปี แต่เธอก็มีผมขาวเต็มหัว แลดูแก่มาก พ่อแม่ของภรรยาผมให้ซองแดงที่หนามากแก่ผมและภรรยา ส่วนแม่ของผมก็ให้ซองแดงที่เบาๆบางๆ ยับๆ แต่ภรรยาผมแทบจะไม่อยากจับยังไม่ยอมพูดคำว่า “ขอบคุณคะแม่” อีกด้วย

ตอนญาติบ่าวสาวให้โอวาส แม่ผมเพิ่งจะอ้าปากพูดคำแรก แขกทั้งงานก็หัวเราะเยาะเธอ ทำให้ภรรยาผมรู้สึกขายขี้หน้าอย่างมาก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองแขกทั้งหลาย

แม่ผมพูดว่า “ลูกชายและสะใภ้ที่รัก วันนี้เป็นวันดีของทั้งสองคน แม่ก็ไม่รู้จะมอบอะไนให้เป็นของขวัญ ข้างนอกมีรถคันหนึ่ง แม่ให้ลุงช่วยขับมาให้ นี่เป็นของขวัญที่แม่ซื้อให้ทั้งสอง หวังว่าหลังแต่งงานไปจะกลับมาเยี่ยมแม่บ่อยๆนะ”

พอแม่พูดจบลง ทำแขกทั้งงานถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง จากนั้นก็มีเสียงปรบมือที่ดังสนั่น แขกเหรื่อพากันชื่นชมแม่ของผม

หลังจากกินข้าวเสร็จ แม่ของผมก็จะกลับบ้านนอกแล้ว พ่อแม่ของเธอก็ถามผมว่า “ได้ซื้อตั๋วรถให้แม่หรือยัง?” แม่ผมจึงยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องลำบาก แม่กลับบ้านเองได้ที่บ้านมีงานยุ่ง ต้องรีบกลับบ้านก่อนนะ วันหลังมีโอกาสแวะมาเยี่ยมแม่บ่อยๆนะ”

พ่อแม่เธอไม่สนใจเลยว่าแม่จะกลับไปแล้ว ไม่พยายามรั้งให้อยู่ต่อ เหมือนกับว่าไปเสียได้ก็ดี แต่ผมขอร้องให้แม่อยู่ค้างที่บ้านสัก 2-3 คืน แต่แกก็ไม่ยอม ยืนยันจะกลับบ้านที่ชนบทให้ได้

ในคืนนั้นเอง ผมและภรรยาอยู่ในห้องกัน 2 คน เธอก็เริ่มแกะซองที่ญาติผู้ใหญ่ให้บ่าวสาว ซองแรกคือซองที่พ่อแม่เธอให้เปิดออกมามี 10,000 บาท เธอดูดีใจเป็นอย่างมาก

ส่วนซองของแม่ผมเธอแทบไม่อยากเปิดตาดูเลย แต่เมื่อเปิดออกมาดูก็เห็นเป็นสมุดบัญชีในนั้นมีเงินมากถึง

700,000 บาท แม่ผมไปเอาเงินมาจากที่ไหนตั้งมากมาย ทั้งรถและเงินในบัญชี

เมื่อภรรยาผมเห็นดังนั้น ก็รู้สึกระอายใจมากที่เมื่อก่อนเคยดูถูกท่านไว้ พร้อมทั้งร้องไห้อย่างหนักพูดว่า “ขอโทษจริงๆนะคะ หมิงๆที่เข้าใจผิดแม่ของคุณมาตลอด ตอนแรกที่ฉันรัับไม่ได้จริงๆ เกี่ยวกับธุระกิจที่แม่คุณทำอยู่ ไม่นึกว่าแม่ของคุณจะรักคุณและฉันมากขนาดนี้”

ขอขอบคุณ : ไลค์เก้อร์

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here