“คืนเงิน 7 แสนที่ยืมมาก่อน แล้วจะเซ็นใบหย่าให้” แต่สุดท้ายเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

0

“คืนเงิน 7 แสนที่ยืมมาก่อน แล้วจะเซ็นใบหย่าให้” แต่สุดท้ายเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

ในวันนี้เราได้มีเรื่องราวหนึ่งที่นำมาเล่าให้กับเพื่อนๆทุกคน เป็นเรื่องราวความรักของคู่สามีภรรยาที่ได้ไปทำเรื่องหย่าที่อำเภอแห่งหนึ่ง แต่ต้านภรรยาเองกับไม่ยอมหย่าด้วย เพราะให้เหตุผลที่ว่าสามีของเธอนั้นยังติดหนี้เธออยู่ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวกับพลิกล็อคไม่ได้เป็นตามคาด ตอนจบแบบหักมุมอย่างไรนั้นมาอ่านไปพร้อมกันเลย

“ให้คืนเงิน 7 แสนที่ยืมฉันมาก่อน แล้วตัวฉันเองจะยอมเซ็นใบอย่าให้” คำพูดนี้คือคำพูดภรรยาของเขา หลังจากที่เขาได้ยื่นหนังสือหย่าให้กับเธอ

“คุณจะเอายังไงอีก เราคุยกันเข้าใจกันกันเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่หรอ?” ทั้งบ้าน ทั้งรถ ทั้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ผมมี ผมยกให้คุณหมดเลย ผมจะจากไปโดยตัวเปล่า

“คืนเงินให้ฉันมาก่อน แล้วสุดท้ายคุณจะไปไหนก็ไป”

เจ้าหน้าที่ที่นั่งฟังอยู่ก็ได้แต่พูดไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองลองกลับมาทบทวนอีกครั้ง “หวังว่าพวกเขาคงจะไม่ได้พบคุณทั้งสองคนที่นี่อีกนะครับ” เจ้าหน้าที่ได้กล่าวคำทิ้งท้าย

“เซ็นสัญญาให้ฉันก่อน ว่าคุณยินดีที่จะคืนเงินที่ติดฉันให้กับฉัน”

ชายหนุ่มได้โกรธ และพูดออกมาว่า “ไม่ต้องห่วง ผมคืนให้คุณแน่นอน”

“ฉันจะรอ เมื่อคืนเงินครบทุกบาททุกสตางค์ เราก็ไปอำเภอกันอีกครั้ง ฉันทวนอีกครั้งนะ บ้านหลังนี้คุณยกให้ฉันเอง ฉันมีกรรมสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่ ส่วนหนี้ที่คุณสร้างมันเป็นเรื่องของคุณ ฉันไม่เกี่ยว ฉันจะบอกอะไรให้นะ เป็นหนี้ใครแล้วไม่คืน ต่อให้จากไปก็ตาไม่หลับ” ภรรยาของเขาพูดออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ส่วนเขา ได้แต่ก้มหน้าเซ็นชื่อลงในใบสัญญา ในใจแช่งด่าเธอไปแล้วร้อยพันครั้ง

ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับเธอ เขาทำงานที่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง จากความสนิทสนมกับผู้รับเหมา เขาก็พอที่จะรู้ช่องทางการรับงานของผู้รับเหมาว่า เขาเหล่านั้นรับงานกันอย่างไร

จนวันหนึ่ง เขาได้เจอกับภรรยา และตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน ด้วยเส้นสายและความเอ็นดูของเจ้านายเก่า ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากบริษัท ออกมารับงานด้วยตนเอง แต่ด้วยเงินทองที่มีอยู่ในมือยังขาดแคลน เขาจึงเอ่ยปากยืมเงินจากภรรยามาลงทุนไป 7 แสน และยืมจากญาติๆ อีกจำนวนหนึ่ง

จากผู้รับเหมาเล็กๆ ขยายงานโดยเพิ่มร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเล็กๆ ขึ้นอีกหนึ่งอย่าง กิจการยิ่งมาก็ยิ่งเจริญ ในตอนที่เขากำลังจะคืนเงินที่หยิบยืมมาจากภรรยาและญาติๆ จู่ๆ ร้านขายวัสดุก่อสร้างก็ถูกเพลิงไหม้ งานที่รับไว้เงินก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง เขาพยายามประคับประคองธุรกิจไว้อย่างทุกลักทุเล

เงินประกันที่ได้จากเหตุเพลิงไหม้ เขานำไปคืนเจ้านายเก่า และคืนให้กับคนที่หยิบยืมมาแบบเร่งด่วน ก็เหลือแต่ของภรรยาและญาติอีกประมาณ 4 แสน ภรรยาของเขาเป็นคนที่คอยให้กำลังเขามาโดยตลอด ยิ่งภรรยาดีต่อเขามากเท่าใด เขาก็รู้สึกผิดต่อเธอมากเท่านั้น

จนวันหนึ่ง เขาตัดสินใจพูดเรื่องหย่ากับภรรยา เขาไม่ได้บอกความจริงแก่เธอ เขาบอกเธอเพียงแค่ว่า เขาอยากใช้ชีวิตแบบสงบ เขาไม่อยากดิ้นรนต่อสู้อีกแล้ว หลังจากหย่าจากกัน เขาจะยกทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เธอทั้งหมด เขาจะจากไปตัวเปล่า

จากวันนั้นเป็นต้นมา ภรรยาของเขาก็เปลี่ยนไป เธอถามสาเหตุที่แท้จริงจากเขา ว่าเขามีบ้านเล็กบ้านน้อยใช่หรือไม่ ทำไมถึงคิดจะหย่าขาดจากเธอ เพราะหากเป็นเพราะเหตุผลที่เขาบอก เธอก็พร้อมจะสู้ไปกับเขา เริ่มต้นสร้างฐานะครอบครัวไปกับเขาอีกครั้ง แม้เธอจะถามสักกี่ครั้ง เขาก็ตอบเธอไปเหมือนเดิมทุกครั้ง เพราะเขาไม่ได้มีบ้านเล็กบ้านน้อยเหมือนที่เธอสงสัย

จนมาถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ที่พากันไปหย่าที่อำเภอ เขาฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงใจร้ายคนนี้สบประมาทเขาอีกเป็นอันขาด เขาตัดสินใจย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอก และขอยืมเงินจากเพื่อนสนิทจำนวนหนึ่งล้านเพื่อเป็นทุนในการรับเหมางานอีกครั้ง

“ที่ให้ยืมเงินไม่ใช่เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนหรอกนะ แต่อยากให้ตั้งตัวได้อีกครั้ง เป็นคนรักศักดิ์ศรี อย่าให้ผิดหวังล่ะ” เพื่อนของเขาพูดขึ้นในวันที่เขาไปรับเงิน

เขาเข้าไปของานจากเพื่อนร่วมเส้นทางธุรกิจก่อสร้าง ไม่ปฏิเสธแม้งานเล็กงานน้อย ทำงานด้วยความขยันและอดทนกว่าเมื่อก่อนไม่รู้กี่เท่า กินอยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ ทำให้เงินทองที่หยิบยืมมาเกิดดอกออกผลขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อนคนที่ให้เขายืมเงิน หมั่นเวียนแวะมาเยี่ยมเขาอยู่เสมอ ทุกครั้งที่มาก็มีของกินของใช้ติดมือมาด้วยตลอด ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

ผ่านไป 2 ปี เขาก็พอมีเงินมีทองที่จะชดใช้จ่ายคืนได้บ้างแล้ว เขาไม่มีผู้หญิงอื่น เพราะเขาก็ไม่ได้คิดนอกใจภรรยาของเขาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่ง เขาอยากให้เธอสำนึกผิดและละอายใจที่ประเมินเขาต่ำไป

เขานำเงินไปคืนให้เพื่อนๆ ที่เขาหยิบยืมมาก่อนหน้านั้น เริ่มจากรายที่น้อยๆ ก่อน ส่วนที่เป็นของภรรยาและญาตินั้นค่อยเอาไว้ทีหลัง แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เพื่อนทุกคนต่างก็บอกกับเขาว่า “จะเอามาคืนอีกทำไม ก็ในเมื่อคืนมาตั้งเกือบ 2 ปีแล้ว”

มันเป็นไปได้ยังไง เขาไม่เคยนำเงินมาคืนเพื่อนๆเลยนี่นา “ก็เมียของนายนั่นแหละที่เป็นคนเอาเงินมาคืน”

เขายิ่งประหลาดใจหนักเข้าไปใหญ่ จากเจ้าหนี้คนที่ 1,2,3 ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน เขาตัดสินใจไปหาเพื่อนคนที่ให้เขายืมเงินล้านมาเมื่อสองปีที่แล้ว

“ไม่ใช่แค่นี้นะโว้ย เงินที่ยืมก็เป็นเงินของเมียอีกเหมือนกัน และของกินของใช้ที่กูเอาไปฝากมึงตลอด นั่นก็เป็นของที่เมียฝากให้เอาไปอีกเหมือนกัน”

“เธอไปเอาเงินมาจากไหนตั้งมากมาย?” เขาคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้หญิงใจดำที่เขาแค้นนักแค้นหนาคนนั้นนะเหรอ ที่เป็นคนให้เงินเขามาตั้งตัว? ที่ให้ข้าวของอาหารการกินกับเขามาตลอด? เขาตัดสินใจไปที่บ้านหลังเก่าของเขาอีกครั้ง

เมื่อพบภรรยาของเขา เขาตรงไปคุกเข่าขอให้เธออภัยในความโง่เขลาของเขา ภรรยาของเขารีบพยุงสามีให้ลุกขึ้น

“คุณไปเอาเงินมาจากไหนตั้งมากมาย?” คำถามแรกที่หลุดจากปากของเขาด้วยความสงสัย

“ฉันตัดสินใจขายบ้านของเราค่ะ เจ้าของใหม่ใจดี ให้ฉันเช่าอยู่ต่อด้วยราคาที่ถูกแสนถูก” ภรรยาของเขาตอบด้วยน้ำตา

“ทำอะไรโง่ๆ แล้วถ้าผมตั้งตัวไม่ได้ล่ะ คุณจะไปอยู่ที่ไหน?” เขาตำหนิภรรยาที่กำลังยืนร้องไร้อยู่ตรงหน้าเขา

“บ้าน ขายแล้วก็ซื้อใหม่ได้ แต่คน จากไปแล้วก็ไม่เหลืออะไร!” เขาดึงภรรายเข้ามากอดไว้แน่น

“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอะไรโง่ๆให้คุณต้องเสียใจอีกต่อไป ผมสัญญา”

ขอบคุณข้อมูลจาก : นุสนธิ์บุคส์

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here