เข้าวัดทำบุญ แต่ไม่มีน้ำใจ เกิดขึ้นเยอะในปัจจุบัน

0

เข้าวัดทำบุญ แต่ไม่มีน้ำใจ เกิดขึ้นเยอะในปัจจุบัน

คนเราส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ชอบทำบุญชอบเข้าวัด โดยจุดประสงค์ในการทำนั้นมีความต่างกันออกไป คนบางคนทำบุญเพราะต้องการที่จะช่วยผู้อื่นให้พ้นจากความยากลำบากที่เป็นอยู่ คนบางคนทำบุญเพื่อหวังให้ตัวเองมีชีวิตมีการใช้ชีวิตที่ดีมากขึ้นแต่เดิมที่เป็นอยู่ คนบางคนทำบุญเพื่อหวังสะสมผลบุญให้มีแต่ความเจริญเข้ามาในชีวิต แล้วตัวคุณคิดว่าจุดประสงค์ของการทำบุญนั้นจริงๆคืออะไร

นี่ก็เป็นหนึ่ งคำสอนดีๆจากเพจ ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล ที่เราได้รวบรวมมาให้คิดตามดูกัน

ต้องเข้าใจคำว่า ‘บุญ’ ให้ถูกต้องก่อน หากเราเข้าใจไม่ถูกต้อง แล้วมัวแต่สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างหอระฆัง เพื่อหวังจะเกิดเป็นเทวดา ในชาติหน้าหรือเป็นเศรษฐีในชาตินี้ ถ้าคิดอย่างนี้อาจทำให้เกิด เป็นพฤติก ร รมที่เรียกว่า ”ทำบุญหวังผล“

ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีคนประเภทนี้อยู่เป็นจำนวนมากในสังคมปัจจุบัน คือ การมุ่งหวังทำบุญเฉพาะกับวัด แต่เลือกที่จะไม่มีน้ำใจกับคนรอบข้าง ไม่มีน้ำใจกับสัตว์ จึงไม่มีจิตเมตตาอย่างแท้จริง ถึงได้เกิดเหตุการณ์ “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” ที่เราเห็นอยู่บ่อยครั้ง

เพราะการมีจิตใจเมตตาอย่างแท้จริงแล้วนั้น จะต้องพร้อมที่จะช่วย เหลือผู้คนไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะเป็นพระ เป็นเพื่อนมนุษย์ หรือเป็นสัตว์ก็ตาม แต่แท้จริงแล้วการทำบุญไม่ใช่การทำเพื่อหวังผลประโยชน์แต่อย่างใด แต่เพื่อเป็นการให้รู้จักสละออกไป สิ่งไหนที่เรามีมากก็ให้รู้จักแบ่งปันผู้อื่น ฝึกความเป็นผู้ให้ แบบนี้จึงจะเรียกว่าบุญ

“คุณนายแก้ว” เธอเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งหนึ่ ง ซึ่งเธอเป็นคนที่ชอบทำบุญมาก มักจะเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่บ่อยๆ เวลาใครบอกบุญสร้างวัดสร้างโบสถ์ เธอไม่เคยปฏิเสธเลย เธอมีความภาคภูมิใจมากที่ได้ถวายเงินนับแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้างโรงเรียน

อยู่มาวันหนึ่ เธอได้ทราบว่า มีนักเรียนคนหนึ่ งในโรงเรียนของเธอ ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนค้างชำระมาสองเทอมแล้ว เธอจึงตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที อย่างไม่ลังเล

“สายใจ” พาป้าวัย 70 และเพื่อนปถวายภัตตาหารเช้าที่วัด ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชนไปทั่ว ในเช้าวันนั้นมีคนมาทำบุญกันอย่างเนืองแน่น จนลานจอดรถเต็มหมด เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับ สายใจพาหญิงชราและเพื่อนที่เดินไม่ถนัดเดินกะย่องกะแย่งตากแดดกล้า ไปยังถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน

ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคันแล่นไปมา แต่ตลอดเส้นทางเกือบ 3 กิโลเมตร ไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับขึ้นรถเพื่อ ไปส่งถนนใหญ่เลย เหตุการณ์ทำนองนี้ มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาด

ในสังคมปัจจุบัน “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” เป็นพฤติกร รมที่พบเห็นได้ทั่วไป ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เรานับถือศาสนากันอย่างไร

จึงเป็นกันแบบนี้ เหตุใดการนับถือศาสนา จึงไม่ช่วยให้คนมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ทุก ข์ ย า ก การทำบุญ ไม่ช่วยให้เรามีเมตตา รู้จักแบ่งปัน หรือ กรุณาต่อผู้อื่นเลยหรือ หากสังเกตดีๆจะพบว่า การทำบุญของเรานั้น มักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น

แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนที่ลำบากกว่าเรา เรากลับละเลยกันมาก แม้แต่เวลาไปทำบุญที่วัด เราก็มักละเลยสามเณร แม่ชี และ พระบวชใหม่ แต่ กุลีกุจอเต็มที่กับพระที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

อะไรทำให้เราชอบทำบุญกับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน? ใช่หรือไม่ว่าเป็นเพราะเราเชื่อว่าสิ่งสูงส่งเหล่านั้น สามารถบันดาลความสุข หรือให้สิ่งดีๆ ที่พึงปรารถนากับเราได้ เช่น ถ้าทำอาหารถวายพระ มอบเงินสร้างวัด หรือพระพุทธรูป ก็จะได้รับความมั่งมีศรีสุข มีอายุ วรรณะ สุข พละ หรือ ช่วยให้มีความสุขสบายมากขึ้นในชาติหน้า

เพราะฉะนั้น ถ้าหากตัวเรายิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี้ก็จะกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ได้ทำบุญด้วยจิตใจ แต่ทำบุญด้วยการหวังผลประโยชน์ส่วนตน

ดังนั้น เมื่อใดที่เราเห็นคนทุก ข์ ย า ก ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน อย่าได้เบือนหน้าหนี ขอให้เราเปิดใจรับรู้ความทุก ข์ของเขา แล้วถามตัวเองว่า เราจะช่วยเขาได้หรือไม่ และ อย่างไร เพราะนี้คือโอกาสดีที่เราจะได้ทำบุญ ลดละอัตตาตัวตน

จิตที่เป็นกุศลจึงจะได้บุญอย่างแท้จริง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ‘ทาน‘ ที่มีอานิสงส์ไม่มาก ก็คือทานที่ให้ด้วยใจที่มีเยื่อใย หวังสั่งสมบุญ หรือหวังเสวยสุขในภพหน้า ถ้าผู้ที่ทำบุญยังมีจิตใจแบบนั้นอยู่ ก็จะไม่ได้อานิสงค์มากเท่าที่ควรจะเป็น ”การทำบุญ” โดยไม่หวังผลของบุญ จึงจะเรียกว่า ”การทำบุญ” ที่ถูกต้อง

ขอบคุณข้อมูลจาก : พระไพศาล วิสาโล

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here