คนโบราณว่าไว้ 7 ลักษณะของคนรักคุณ อาจเป็น “เนื้อคู่” กันตั้งแต่ชาติที่แล้ว

0

คนโบราณว่าไว้ 7 ลักษณะของคนรักคุณ อาจเป็น “เนื้อคู่” กันตั้งแต่ชาติที่แล้ว

หลายคนคงเคยได้ยิน เรื่องของเนื้อคู่ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่มักจะทักลักษณะของคนที่เป็นคู่กันบางคู่มีลักษณะนิสัย รสนิยม รูปร่างหน้าตาคล้ายกัน และยังรวมไปถึงการกระทำของคู่นั้นจะมีความคล้ายกันคือลักษณะหนึ่งของคนเป็นเนื้อคู่กันนั่นเอง

7 ลักษณะของเนื้อคู่ตั้งแต่ชาติที่แล้ว

1. คุณและเขาเพียงพบกันครั้งแรก มีความรู้สึกถูกชะตาเมื่อได้คุยได้ทักทายกลับสนิทสนมกันเร็วกว่าคนอื่น ๆ เพราะเกิดจากจิตที่ผูกพันกันมานาน ทำให้คุณเกิดความรู้สึกดีที่ได้พบเจอ

2. คุณและเขามีความคิดความชอบที่เหมือนกัน คล้ายเป็นคน ๆ เดียวกัน มีใจจิตตรงกัน ทำอะไรที่คล้าย ๆ กัน

3. คุณและเขาเข้ากันได้ดี เหมือนอีกฝ่ายเข้ามาเติมเต็มส่วนที่อีกฝ่ายขาดหายไป

4. คุณและเขาในบางครั้งมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกันแต่ก็ไม่เลิกลากัน ให้อภัยซึ่งกันและกันได้เสมอ

5.  คุณและเขาแม้ในยามที่ต้องห่างไกลระยะทางก็ไม่สามารถทำลายความรักของทั้งคู่ได้

6. คุณและเขามีความสุขร่วมกันมากกว่าความทุกข์

7. คุณและเขามีจิตใจที่ตรงกัน ทำความดีและสร้างบุญร่วมกันมา

ถ้าความรักของคุณในปัจจุบันไม่เข้าข่าย 7 ลักษณะเนื้อคู่ในชาติที่แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะในชาตินี้เราร่วมกันสร้างความสุข ความดี และสร้างบุญร่วมกัน ดั่งคำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ คนที่ศีลเสมอกันจะอยู่ด้วยกันได้

การเลือกเนื้อคู่มี 4 ลักษณะ

1. ความศรัทธาเสมอกัน

ถ้าคุณและเขาความเชื่อและศรัทธาในสิ่งเดียวกัน การใช้ชีวิต วิธีการคิด และมีมุมมองในเรื่องเดียวกัน ข้อดีก็คือ จะไม่ทะเลาะกันเพื่อเอาชนะไม่มีทิฐิต่อกัน ไม่เถียงเพื่อเอาชนะ ต้องอยู่ด้วยกันอย่างอยู่เย็นเป็นสุข หากมีความชอบและรสนิยมที่ตรงกันคู่นั้นจะลดความขัดแย้ง ลดต้นเหตุที่ต้องทะเลาะกันในแต่ละวันไปได้

พระพุทธองค์ได้ชี้ทางสว่างให้คนที่เป็นคู่ครอง ทั้งสองคนนั้นจะต้องมีความเชื่อเสมอกันไปในทิศทางเดียวกัน เช่น มีความเชื่อและนับถือศาสนาเดียวกัน เพราะถ้านับถือคนละศาสนาบางเรื่องปฏิบัติต่างกันถ้าคู่ของคุณเข้าใจก็ดีไป ถ้าไม่เข้าใจกันความขัดแย้งก้เกิดขึ้น

คนที่เป็นเนื้อคู่ คู่เวรคู่กรรมกันแล้วทั้งคู่จะมาพบกันเพราะมีกรรมลิขิต วิบากกรรมได้กำหนดไว้แล้ว ให้คนทั้งคู่มาชดใช้วิบากกรรมของคนทั้งคู่ที่มีต่อกันให้หมดสิ้นไป ซึ่งระยะเวลาไม่ว่าจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับวิบากกรรมว่าหนักหรือจะเบา เมื่อหมดวิบากกรรมต่อกันแล้วก็ต้องจากกันไป คู่ไหนที่เลิกลากันไป บางคนเปลี่ยนคู่บ่อย ๆ ก็เป็นเพราะเป็นเนื้อคู่กันในปางก่อนจริง มาเกื้อกูลกันบ้างในชาติปัจจุบัน แต่บุญที่ทำร่วมกันมามีน้อย ชดใช้บุญหมดก็ต้องจากกันไป

2. ศีลเสมอกัน

ศีลเสมอกันคำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ หากจะมองหาคู่ครองต้องเลือกคนที่มีศีลเสมอกัน ในที่นี้หมายถึงคนที่รักษาศีล รักเดียวใจเดียว รู้จักยับยั้งชั่งใจ ส่งเสริมกันในหลาย ๆ ด้าน นำพาแต่สิ่งดี ๆ ให้แก่กัน ทำให้ชีวิตราบรื่น ถ้าหากคู่ใดมีศีลไม่เสมอกัน คู่นั้นจะต้องเลิกลากันไปด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการที่ทำให้การอยู่ด้วยกันเกิดความทุกข์ใจ ความกังวล

วิธีสังเกตคู่ว่ามีศีลเสมอกันหรือไม่ดูได้จาก คู่ครองจะมอบความสบายใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ชอบทำบุญ รักษาศีล ถ้าหากเจอคู่ครองที่ไม่รักษาศีล หรือศีลน้อยกว่า เช่น ชอบเล่ยการพนัน ชอบดื่มของมึนเมา หรือประกอบอาชีพที่ต้องพรากสัตว์ตัดชีวิต ก็ย่อมไม่ฟังในสิ่งที่คุณตักเตือน เราตักเตือน ก่อให้เกิดเรื่องขัดข้องหมองใจกันได้ง่าย

หากพบคู่ที่มีศีลเสมอกันต่างจะมอบความสุข ความสบายใจให้แก่กัน พากันทำแต่สิ่งดี ๆ ชีวิตย่อมพบเจอความเจริญรุ่งเรือง ไม่มีใครฉุดดึงชีวิตอีกฝ่ายให้ต่ำลงมีแต่จะค้ำจุนให้สูงขึ้น

3. จาคะเสมอกัน

จาคะ ความถึงการสละสิ่งของ และความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น รวมไปถึงการละทิ้งกิเลส ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ ความใจแคบ และความประพฤติที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดความเสียหายไม่สร้างประโยชน์

สังเกตได้จากคนที่มีจาคะย่อมเป็นผู้เสียสละเพื่อส่วนรวมได้ มีความเอื้ออาทร มีน้ำใจให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ไม่เห็นแก่ตัว หากคู่ครองมีจาคะไม่เสมอกัน จะยากที่จะเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร ทำไมต้องช่วยคนอื่นให้ยุ่งยากลำบากตัวเอง

หากเราเลือกครองคู่ที่มีจาคะเสมอกันจะเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เป็นคนที่มีจิตใจดี ใจกว้าง ชอบทำบุญ ชอบช่วยผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และต่างพากันมีความสุขเมื่อได้เป็นผู้ให้

4. ปัญญาเสมอกัน

พระราชพรหมยานหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระอริยสงฆ์องค์หนึ่ง ได้ตอบคำถามลูกศิษย์ เมื่อลูกศิษย์ถามท่านว่าปัญญาคืออะไร

ท่านจึงได้เมตตาตอบไปว่า ปัญญา หมายความว่าความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพินิจพิจารณา ความเฉลียวฉลาด มิใช่รู้เพียวอย่างเดียวแต่ต้องนำเอาความรู้ที่ได้นั้นมาคิดพิจารณาได้ด้วย ต้องมีทั้งความเฉลียวและฉลาดด้วย

พระพุทธองค์ตรัสไว้การที่จะได้มาเป็นคู่ครองกัน จะต้องมีปัญญาเสมอกัน ถ้าเสมอกันมากก็จะยิ่งมีความสุข ความเจริญ ทำอะไรก็ประสบผลสำเร็จได้ง่าย เพราะความรู้ความเชี่ยวชาญที่ทั้งคู่มีได้ช่วยเกื้อหนุนกันและกัน

ไม่เพียงแต่การมีความศรัทธาเสมอกัน ศีลเสมอกัน จาคะเสมอกัน และปัญญาเสมอกัน จะช่วยนำพาให้ชีวิตคู่เกิดความคิด มุมมองในเรื่องเดียวกัน มีความเชื่อในแบบเดียวกัน ครองคู่กันอย่างมีความสุข น้อยครั้งที่จะทะเลาะเบาะแว้ง สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีสังเกตเนื้อคู่และการเลือกคู่ครองที่เหมาะสมกัน จึงต้องอาศัยทั้ง 4 ข้อนี้

ขอขอบคุณ : torthammarak.wordpress

เขียน / เรียบเรียง : Postsara

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here