เมื่อตัวท่านอายุ 40-90 ปี สิ่งดังกล่าวต่อไปคือเรื่องจริง หนีไม่พ้น
หลายคนได้ผ่านช่วงชีวิตมามากมายอาจจะมีช่วงที่ดีและช่วงที่ไม่ดี มีทั้งเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาให้ปวดหัว และในทางตรงกันข้ามก็มีเรื่องที่มีความสุขมากมายทำให้เรายิ้มได้ ความจริงแล้วสิ่งที่เกิดในช่วงชีวิตที่ผ่านมามันไม่มีอะไรแน่นอน แล้วการันตีในอนาคตได้เลยว่าจะไม่แน่นอนเช่นกัน หากเรามีอายุที่อยู่ในช่วง 40 ถึง 90 ปีนั้น สิ่งต่างๆที่เราจะบอกต่อไปนี้จะเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างแน่นอน
เรื่องของ “ชีวิต”
เมื่อเรามีอายุ 40 ปี การเรียนสูง กับ การเรียนต่ำมีค่าเท่ากัน นั่นหมายความว่าคนเรียนน้อยอาจจะหาเงินได้มากกว่า
เมื่อเราอายุ 50 ปี คนสวย กับ คนขี้เหร่ นั้นไม่ต่างกัน เพราะว่าเมื่อคนอายุ 50 ปีแล้วคุณจะมีรอยย่นจุดด่างดำที่เท่ากัน
เมื่อเรามีอายุ 60 ปี ตำแหน่งสูง กับ ตำแหน่งที่ต่ำ นั้นเหมือนกัน เพราะหลังเกษียณอายุแล้วลูกจ้างก็ไม่มีนายจ้างต่อไป
เมื่อเราอายุ 70 ปี บ้านหลังเล็ก กับ บ้านหลังใหญ่ นั้นมีค่าเท่ากัน เพราะเราอายุปูนนี้แล้วเดินก็ลำบาก คุณต้องการเพียงแค่ต้องการนั่งอย่างสบายๆ
เมื่อคนอายุ 80 ปี มีเงิน กับไม่มี นั้นเหมือนกัน แม้ว่าคุณอยากจะเสียเงินซื้ออะไรคุณก็ไม่รู้จะซื้ออะไรแล้ว
เมื่อคุณมีอายุ 90 ปี จะหลับ หรือตื่น มีค่าเท่ากัน เพราะคุณก็ยังไม่รู้ว่าตื่นมาคุณจะทำอะไรดี
ทุกคนจงทำตัวให้สบายๆมีความสุขกับปัจจุบัน เพราะในที่สุดแล้วสุดท้ายทุกอย่างก็เหมือนกัน จงลืมความกดดันทั้งหลายที่ทำให้เรานั้นมีแต่ความทุกข์ เราจงแสวงหาความสุขมากกว่าเงินทอง
หากชีวิตเรานั้น ถือเงินทองเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลางของชีวิต ชีวิตของคนก็จะพบแต่ความยากลำบาก หากชีวิตเรานั้น ถือบุตรธิดาเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลางของชีวิต ชีวิตของคนนั้นจะพบเจอแต่ความเหนื่อยล้า หากชีวิตเรานั้น ถึงความรักเป็นจุดหมายเป็นศูนย์กลางของชีวิต ชีวิตของคนนั้นจะพบเจอแต่ความเจ็บปวด
หากชีวิตเรานั้น ถือการแข่งขันเปรียบเทียบเป็นจุดมุ่งหมายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิต ชีวิตของคนจะมีแต่ความตกต่ำ หากชีวิตเรานั้น ถือความเอื้อเฟื้อใจกว่าเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลางของชีวิต ชีวิตของคุณนั้นจะมีแต่โชคดีมีความสุขในการใช้ชีวิต หากชีวิตเรานั้น ถือความพอเพียงเป็นจุดมุ่งหมายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิต ชีวิตของคุณจะพบเจอแต่ความสุข หากชีวิตเรานั้น ถือบุญคุณเป็นจุดมุ่งหมายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิต ชีวิตของเรานั้นจะมีแต่ใจที่เมตตาโอบอ้อมอารี
มีเรื่องเล่า 1 เรื่องหากท่านป่วยไม่หนักเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ท่านจะพบว่าเงินไม่สำคัญแต่ร่างกายกับคนที่บ้านนั้นสำคัญยิ่งกว่า หากท่านมีเวลา 1 เดือน จะพบว่าเงินสำคัญมาก ร่างกายและคนที่บ้านก็ยังสำคัญมากเช่นกัน
หากท่านนั้นป่วยเป็นเวลาครึ่งปี เดาไม่ยากเลยว่าท่านต้องทิ้งทรัพย์สินเงินทองทั้งหลายและยศถาบรรดาศักดิ์ เพื่อแลกกับสิ่งที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว โลกใบนี้คนส่วนใหญ่มักมองว่าแผ ลที่มันหายแล้วเราก็จะลืมความเจ็บปวดนั้นไป รวมถึงตัวเองด้วย
ดังนั้นเมื่ออ่านถึงตอนนี้ ก็จะรู้แน่ชัดว่าในชีวิตเรา ใครและเรื่องอะไรถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญ
1 อย่าอวดอ้างเงินของคุณ ในโรงพยาบาลมันเป็นเพียงกระดาษ 1 แผ่น
2 อย่าอวดอ้างงานที่คุณทำ เมื่อไม่มีคุณ จะมีคนอีกเหลือคณานับที่ทำได้ยอดเยี่ยมกว่าที่คุณทำ
3 อย่าอวดอ้างห้องหับบ้างช่องของคุณ เมื่อคุณไปแล้ว มันก็กลายรังของคนอื่น
4 อย่าอวดอ้างรถของคุณ เมื่อคุณจากไป กุญแจรถก็อยู่ในมือคนอื่นแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดของเรานั้นก็คือร่างกายและสุขภาพของเราเอง และยังเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สามารถอ้างต่อคนอื่นได้เต็มปาก เมื่อไม่มีคนอื่นแล้วคุณยังสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้อย่างมีความสุขกับชีวิตที่คุณมีสุขภาพที่ดี ขอให้คุณนั้นจงดูแลรักษาตัวให้ปลอดภัย เพราะร่างกายไม่ได้มีอะไหล่ไว้สำรอง
และนี่คือสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นเพื่อส่งเสริมและแบ่งปันให้คนหันมาดูแลรักษาสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น หลายๆเรื่องนั้นเป็นปรัชญาในการดำรงชีวิต หรือการปฏิบัติตนให้ตนเองนั้นมีความสุขที่สุด ขอให้ข้อมูลทั้งหลายนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน และขอให้ผู้อ่านทั้งหลายทั้งปวงได้คิดและทบทวนให้ดีว่าจุดมุ่งหมายที่สำคัญของชีวิตนั้นคืออะไร แต่สุดท้ายแล้วเหนือสิ่งอื่นใดไม่มีอะไรแน่นอนจงมีความสุขกับทุกวัน จงทำทุกวันให้มีความหมายที่สุด เมื่อวันเวลาผ่านไปเราจะไม่หวนกลับมาเสียดายมันอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก : FW Line