จดหมายแม่ถึงลูก 4 คน “ชาติหน้าอย่าได้เจอกันอีกเลย”

0

จดหมายแม่ถึงลูก 4 คน “ชาติหน้าอย่าได้เจอกันอีกเลย”

ลูกๆทั้ง 4 คนของแม่ที่รัก

เมื่อในช่วงวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมานั้น วันนั้นเป็นวันฉลองวันเกิดของแม่ที่มีอายุครบ 80 ปี เป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน คนเป็นแม่ได้ให้กำเนิดลูกชายถึง 4 คน แล้วยังเลี้ยงดูพวกเราและหลานๆอีก 8 คนด้วย นั่นก็เท่ากับว่าชีวิตนี้ของแม่ แม่ใช้มือทั้งสองข้าง เลี้ยงดูทุกๆคนด้วยความรักถึง 12 คน

แต่ทว่าอายุของแม่ก็มากขึ้นทุกวัน แก่จนจะต้องคอยมองดูสีหน้าของพวกเขาเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 5 ปีก่อน ตอนที่พ่อพวกเขาเสียไปแล้ว แม่ได้รู้สึกทันทีว่า ความรำคาญที่พวกเขาปฏิบัติต่อแม่ นับวันก็ยิ่งแย่เข้าไปทุกวัน

ตอนที่พ่อของพวกแกจากไปใหม่ๆนั้น แม่หวังเหลือเกินว่าจะมีลูกคนไหนสักคนนึงที่ยื่นมือเข้ามารับแม่ไปอยู่ที่บ้านด้วย แต่ก็บอกตรงๆว่า แม่ก็อย่ากจะใช้ชีวิตกับพวกแกนั่นแหละ จะเป็นคนไหนก็ได้ แม่ยินดีได้ทั้งนั้น แต่ก็ได้แต่รอแล้วรอเล่า ผ่านไป 2 เดือน แม่จำเป็นจะต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง ไม่มีลูกคนไหนสักคนเลยที่ยอมรับแม่ไปอยู่ด้วย

แต่ก็โชคดีที่พวกแกนั้นยังพอมีน้ำใจเหลือบ้างในบางเวลา พวกแกทั้ง 4 คนก็ผลัดเวรกันมา มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่บ้านทุกคืน แต่ละคนก็มีหน้าที่คนละสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้ แม่ก็เลยไม่กลัวและไม่กังวลอะไรในช่วงตอนกลางคืน แต่ก็ว่ากันตามตรง ตัวแม่เองก็อายุปูนนี้แล้ว ยังจะต้องไปกลัวอะไรอีก

ถึงแม้แม่จะเติบโตขึ้นมาตามท้องทุ่งท้องนา เติบโตขึ้นมาท่ามกลางเรื่องเล่าที่น่ากลัวของเหล่าผีสางนางไม้ แต่มาถึงตอนนี้ แม่คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อีกแล้ว และก็เลิกกลัวไปนานแล้ว แต่สิ่งที่แม่กลัวที่สุดคือความเหงา

ลูกๆของแม่ทุกๆคน พวกแกมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ รวมเวลาทั้งสิ้นเป็นเวลา 1 ปี กับ 9 เดือน หรือประมาณ 630 วัน ในฐานะของคนเป็นแม่ รู้สึกขอบคุณในน้ำใจของพวกแกที่มอบให้ในครั้งนั้น

ช่วงแรกๆที่มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ ทุกอย่างดูดีมีความเอื้ออาทรให้แม่อยู่บ้าง แต่พอวันเวลาค่อยๆผ่านไป สีหน้าของพวกแกก็แลดูย่ำแย่ลงทุกวัน พอเหยียบเข้ามาถึงบ้านแม่ ไม่มีคำทักทายสักคำ เวลาออกจากบ้าน คำอำลาสักคำก็ไม่มีเช่นกัน แม่เหมือนสิ่งไม่มีชีวิตชิ้นหนึ่งที่ถูกวางอยู่กลางบ้าน บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับว่าพวกแกกำลังเดินเข้าออกโรงแรม แล้วมียายแก่แปลกหน้าที่นั่งมองหน้าพวกแกที่เดินผ่านไปมา เหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีความผูกพันกันเลยแม้แต่น้อย

แม่กลัวที่จะทำให้พวกแกรำคาญหรือรังเกียจ แม่ไม่ได้กินข้าวฟรีของพวกแกแม้แต่คำเดียว เสื้อผ้าข้าวของแม่ก็ซื้อเองทุกอย่าง แม้กระทั่งสตางค์แดงเดียวก็ไม่เคยใช้ของพวกแก เพียงแค่พวกแกยอมแวะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่บ้าง แค่นั้นแม่ก็รู้สึกเป็นบุญคุณเหลือหลายแล้ว

ถึงแม้แม่จะพยายามวางตัวอย่างระมัดระวังที่สุด ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวชีวิตส่วนตัวของพวกแกเลย แต่พวกแกทุกคนก็ค่อยๆห่างหายจากบ้านแม่ไปทีละคนแบบไม่ต้องมีคำร่ำลา ไม่มีใครแวะมาเยี่ยมเยียนแม่อีก แต่ยัดเยียดเอาความเหงามามอบให้แม่แบบไม่มีความปราณีกันเลย

ชีวิตหลังจากนั้นเป็นต้นมา แม่รู้ตัวว่าแม่ต้องเดินด้วยเท้าตัวเองทุกฝีก้าว ต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่างด้วยสองมือของแม่เอง สองปีกว่าที่ผ่านมา ยอมรับว่ามันยากลำบากสำหรับคนแก่อย่างแม่พอสมควร ตอนงานวันเกิด 80 ปี พวกแกอวยพรให้แม่ว่า “ขอให้แม่มีอายุมั่นขวัญยืนเป็นร้อยๆปี” แม่ได้แต่ยิ้ม แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้น มันอัดแน่นไปด้วยความขมขื่น ชีวิตที่เต็มไปด้วยความหงอยเหงาและเศร้าหมองนั้น จะมีอายุยืนยาวไปทำไม

ช่วงเวลานี้ แม่รู้สึกแน่นหน้าอกมากขึ้นทุกวัน แม่ไม่ได้บอกใคร แท้จริงแล้วก็ไม่รู้จะหันหน้าไปบอกใคร

แม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โรคภัยไข้เจ็บจะกรุณารีบนำพาแม่จากโลกนี้ไปในเร็ววัน ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ แม่ก็รู้สึกว่าชะตาชีวิตยังคงมีความปราณีต่อแม่บ้าง หลายคืนก่อน แม่ฝันถึงพ่อของพวกแก พ่อยิ้ม บอกกับแม่ว่า “ไปกันเถอะ พ่อมารับแล้ว ไปกับพ่อแล้วแม่จะไม่หงอยเหงาอีกต่อไป”

ตื่นมากลางดึก มองไปบนท้องฟ้าเห็นมีแต่ดาวเต็มฟ้า พระจันทร์ส่องแสงนวลสบายตา ในคืนที่บรรยากาศสงบเงียบเช่นนี้ แม่ฝันถึงพ่อของพวกแก พ่อที่กำลังจะมารับแม่ไป แม่ขอขอบคุณความรักอันแสนอบอุ่นที่พ่อได้มอบให้กับแม่มาทั้งชีวิต มันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสิ่งเดียวในชีวิตนี้ของแม่

หน้าอกแม่ทั้งแน่นทั้งเจ็บมากขึ้นทุกวัน แม่รู้ตัวว่ามันคงถึงเวลาแล้ว จึงได้ตัดสินใจบรรจงเขียนจดหมายฉบับนี้ทิ้งไว้ ความสัมพันธ์ของความเป็นแม่ลูกระหว่างเรา มันก็คงใกล้จะจบเต็มแก่แล้ว

แม่มีผมขาวอยู่เต็มหัว แม่ขอใช้ผมขาวทุกเส้นบนหัวสาบานว่า แม่รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งถึงการแวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ของลูก นอกจากประโยคนี้แล้ว ยังมีคำพูดที่แม่อย่ากจะบอกกล่าวก่อนจากไปว่า แม่เสียใจที่สุดที่ให้กำเนิดพวกแกมาทั้งสี่คน หากชาติหน้ามีจริง ขออย่าให้พวกเราต้องมาเจอกันอีกเลย

ในฐานะของคนเป็นแม่ แม่คงไม่ใจร้ายพอที่จะสาปแช่งพวกแก แต่แม่กลับหวังว่า ในยามแก่เฒ่าของพวกแกทั้งสี่คน ขอให้ทุกคนจงพบแต่ความสงบสุขในยามชรา คงไม่ถูกลูกๆของพวกแกทั้ง 8 คนทอดทิ้ง

ความผูกพันของความเป็นแม่ลูกระหว่างเราก็คงจบลงเพียงเท่านี้ อะไรที่ตั้งใจจะกล่าวก็ได้ถ่ายทอดด้วยความอาดูรออกมาจากใจจนหมดแล้ว ขอให้ทุกอย่างจบสิ้นลงแค่ชาตินี้ชาติเดียว คิดว่ามันก็เกินพอแล้ว

จากแม่

หลังจากนั้นไม่นาน คุณแม่ท่านนี้ก็ได้จากโลกนี้ไปจริงๆ ท่านเหมือนคนนอนหลับที่หลับอยู่บนเตียงตัวเองอย่างสงบ ในมือได้ถือรูปถ่ายที่เคยถ่ายไว้คู่กับสามี บนรูปใบนั้นก็มีเพียงสามีและภรรยายืนเคียงคู่กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น

ขอขอบคุณ : ขจรศักดิ์

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here