เธอใช้มรดก 200 ล้าน เปผู้ชาย สุดท้ายเหลือ100บาท เพิ่งตาสว่างไม่ใช้รักแท้

โดย

สิงหาคม 5, 2019

เธอใช้มรดก 200 ล้าน เปผู้ชาย สุดท้ายเหลือ100บาท เพิ่งตาสว่างไม่ใช้รักแท้

ทางด้านสื่อต่างประเทศได้ออกมารายงานว่า อาชีพดารานักแสดงนั้นเป็นอาชีพที่สร้างปัญหาให้กับตัวเองได้ดีมาก ฉะนั้นแล้วตอนน้ำขึ้นก็ให้รีบตัก จงรู้จักการเก็บออมเงินเอาไว้ แค่นี้ก็จะสบายไปตลอดทั้งชาติ เฉกเช่นเดียวกับดาราตลกคนนี้ เธอมีนามว่า เซินเตี้ยนเซีย เขาได้แต่งงานกับสามีซึ่งเป็นพระเอกชื่อดังที่ชื่อว่า เจิ้งเซ้าชิว

เขาทั้งสองคนนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในยุค 80 ในตอนนั้นสามีของเขาเรียกได้ว่าเป็นเพจดังในใจของสาวหลายๆคนในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ และภรรยาคนแรกของเขาก็คือ เซินเตี้ยนเซีย

เซินเตี้ยนเซีย เธอเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงมากในฮ่องกง ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ยุคนั้นเป็นยุคของภาพยนตร์ฮ่องกง ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเอเชีย และเธอก็เป็นหนึ่งในดาราช่วงแรกๆเช่นกัน เธอมีตำแหน่งมากมาย แต่เป็นที่น่าเสียดาย เธอต้องจากไปในเวลาอันรวดเร็วเพราะว่าป่วย

ทั้งคู่นั้นมีลูกสาวที่น่ารักอยู่คนนึง ที่มีชื่อว่า เจิ้งซิงยี่ หลังจากที่เธอจากไปนั้นก็ได้ทิ้งมรดกหลายร้อยล้านให้กับลูกของตัวเอง ต่อมาเธอก็เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนักร้อง โดยอาศัยชื่อเสียงบรมีพ่อแม่ที่สร้างมาในแวด วงบันเทิงฮ่องกงเมื่อปี 2004

ที่จริงคนทั้งประเทศสนใจความสัมพันธ์และชีวิตการเป็นอยู่ของเธอมากกว่าชื่อเสียงที่เธอมี เพื่อไม่ให้เธอใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เซินเตี้ยนเซียจึงได้จัดตั้งกองทุนเพื่อควบคุมการเงินของตนเองว่า หลังจากที่จากไปแล้วลูกสาวจะสามารถเบิกเงินใช้ได้เดือนละ 80,000 ดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้น (ราว 79,000 บาท) จนกว่าจะอายุครบ 35 ปีบริบรูณ์จึงจะสามารถเบิกรับมรดกทั้งหมดออกมาใช้ได้

โดยตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เจิ้งซิงยี่รับมรดกไปแล้วกว่า 200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 199 ล้านบาท) และมีแฟนมาแล้ว 5 คน

พูดได้คำเดียวว่า เธอกลายเป็นทายาทเศรษฐีที่ผู้ชายหลายคนจับตามองและพยายามเข้าหาเธอมาก ดังนั้นรอบกายเธอจึงมีผู้ชายที่ไม่จริงใจผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้น แต่เธอก็ดูเหมือนจะไม่แคร์อะไร กระทั่งมีข่าวออกมาว่าเธอได้ผลาญเงินมรดกทั้งหมดที่มีไปกับผู้ชายเหล่านั้นของเธอ หลังจากที่เธอสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว ผู้ชายเริ่มตีตัวออกห่างแล้ว เธอจึงเพิ่งฉุกคิดได้

และยังเคยมีข่าวฉาวเกี่ยวกับเธอว่า เธอยอมคุกเข่าขอร้องให้แฟนชาวต่างชาติอย่าทิ้งเธอไป เพราะในตอนนั้นเธอเหลือเงินในบัญชีแค่ประมาณ 104 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 103 บาท) เท่านั้น เนื่องจากแฟนชาวต่างชาติคนนี้ใช้เงินหนักมาก แต่ละวันต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และทั้งหมดนี้เธอจะต้องเป็คนออกทั้งหมด

จนหลายคนบอกว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะต้องทำถึงขนาดนี้ เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้ก็จริง แต่สำหรับ “รักแท้” นั้นไม่สามารถซื้อมาได้ด้วยเงิน หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะทำให้เธอตาสว่างและเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในด้านความรักและเรื่องอื่นๆมากขึ้น