มัวแต่ประกาศ ‘ข้อเสียคนอื่น’ แต่เรื่องของตัวเองกลับ “ไม่สะอาด” คน7แบบอยู่ห่างไว้

0

มัวแต่ประกาศ ‘ข้อเสียคนอื่น’ แต่เรื่องของตัวเองกลับ “ไม่สะอาด” คน7แบบอยู่ห่างไว้

มัวแต่เที่ยวประกาศข้อเสียของคนอื่นไปเรื่อย แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองนั้นสะอาดหรือเปล่า เรื่องของตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นมากนัก คนเรานี้ควรอยู่ห่างไว้ให้ดีที่สุด

คนที่คอยพูดถึง กล่าวว่า ข้อเสียของคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง คอยใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น

ซุบซิบนินทาคนอื่น หากเราไม่ระวัง เมื่อเราไม่อยู่ในวงสนทนานั้น

สุดท้ายแล้วเขานั่นแหละก็จะคอยป่าวประกาศเรื่องไม่ดีของเราให้คนอื่นได้รู้

โดยที่คนอื่นไม่ได้รับรู้ความจริงเลยว่าตัวเราเองเป็นอย่างไร

จงจำไว้.. คน 7 เหล่านี้ไม่น่าคบ

1. สนใจแต่เฉพาะเรื่องตัวเอง มักจะโผล่มาเฉพาะเวลาที่ต้องการให้คนช่วยเสร็จแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ

คนประเภทนี้ มักจะเอาคำว่าเพื่อนหรือความสัมพันธ์ต่างๆเอามาไว้บังหน้าเพียงเท่านั้น ด้วยคุณสมบัติของคนเหล่านี้ ร้อยวันพันปีไม่เคยช่วยเหลืออะไร เขามักจะโผล่มาตอนที่คุณนั้นมีผลประโยชน์ โผล่มาตอนที่เขาลำบาก เขามักจะมายืมเงินคุณ ขอความช่วยเหลือคุณ โดยไม่สนใจว่าในตอนนั้นคุณจะมีหรือไม่มี

และพอเมื่อเขาใช้งานคุณเสร็จ สุดท้ายแล้วเขาก็จะหายไป เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยเจอ บุคคลเช่นนี้ ขัดกับตำราเพื่อนที่ดี ไม่แนะนำให้เข้าไปสุงสิงด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า บุคคลคนนี้จะไม่สามารถเป็นเพื่อนเราได้ เพียงแต่ให้ระมัดระวังตัวเองไว้ให้ดีที่สุด

2. ทำตัวเป็น “งูเห่า” เลี้ยงไม่เชื่อง

สมัยเด็กคุณคงเคยได้ยินนิทานก่อนนอนเรื่อง “ชาวนากับงูเห่า” มาบ้างแล้ว บางทีคุณไม่ได้โง่หรอกที่เมื่อเพิ่งรู้จักกันระยะแรกคุณมองไม่ออกว่าคนรอบตัวคุณใครคือ “งูเห่า” ด้วยความที่คุณเป็นคนดีคุณก็เมตตาคนประเภทนี้ไปเรื่อยๆ แต่คนประเภทนี้นอกจากเขาอาจจะไม่ได้ตอบแทนคุณด้วยการขอบคุณหือความรู้สึกที่ดีต่อคุณ เขายังไปฉกกัดคุณ มีความริษยาในดวงใจ จ้องจะทำร้ายคุณเป็นผลตอบแทน

3. ทำตัวเป็น “นกสองหัว” ปากอย่างใจอย่างหรือต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง

สำหรับบุคคลเหล่านี้แล้ว ต่อหน้าเขาคุณจะเปรียบเป็นเทพบุตรผู้ไร้ราคี เขาจะไม่มีวันเอาข้อเสียหรือสิ่งที่เขาไม่พอใจมาพูดให้คุณได้ฟังต่อหน้าเป็นแน่ แต่อย่าได้เผลอเลยคนคนเดียวกันนี่เองลับหลังคุณเขาได้เอาคุณไปพูดไปนินทาไปพูดกระแนะกระแหนไปกุเรื่องเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง จนกลายเป็นอีกเรื่องที่คุณอาจไม่คิดมาก่อนก็ได้

4. กอบโกยผลประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว จ้องเอารัดเอาเปรียบไม่มีที่สิ้นสุด

บุคคลประเภทนี้มักจะแอบแฝงมาในรูปแบบเพื่อนหรือคนสนิทต่างๆ เข้ามาหาคุณ ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่เขาเข้าหาคุณนั้นเพียงเพื่อจะมาเอาผลประโยชน์จากคุณเท่านั้นซึ่งอาจจะเป็นทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ อาจจะเป็นแรงกาย หรือทรัพย์สินทางสติปัญญาของคุณเพื่อโอนเข้าทางประโยชน์ของเขา มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนเราทุกคนเกิดมาอย่าง “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า”

ความหมายคือคนเราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกัน ย้ำอีกที “ซึ่งกันและกัน” แต่บุคคลนี้กลับใช้คตินี้ตีความผิดไปหรือไม่ก็ตีความไม่ครบ เขากลับเห็นแต่ประโยชน์ที่คุณจะสามารถให้เขาได้ ใช้เล่ห์กลเพื่อเอารัดเอาเปรียบคุณสารพัดรูปแบบ สำคัญแต่ตัวจะรับไม่คำนึงถึงการให้ โดยเบื้องลึกของจิตใจคนเหล่านี้บางคนไม่ได้คิดแม้แต่จะหาทางตอบแทนคุณอย่างใด

5. ไม่มีความ “เสมอภาค” ในมิตรภาพ ไม่เห็นความสำคัญของอีกฝ่าย

คุณอาจสงสัยว่าหมายถึงบุคคลประเภทนี้ใดกัน บุคคลประเภทนี้ก็หมายถึงบุคคลที่ชอบทำอะไรที่ไม่เป็นธรรม ตัวอย่างก็เช่นเวลาใดที่บุคคลเหล่านี้มีเรื่องทุกข์ใจอยากแชร์ก็ไปหาคุณได้ตลอดเวลา แต่พอคุณมีเรื่องต้องการคนปรับทุกข์บ้างคุณกลับไม่สามารถไปหาคนคนนี้ได้เนื่องจากเขากลับไม่ได้รับฟัง หรือ เขาอาจเรียกร้องน้ำใจของคุณอยู่ฝ่ายเดียวเช่น ช่วยงานให้เขาหรือให้คุณช่วยอะไรเขาจิปาถะ แต่เมื่อถึงทีของคุณบ้างคุณกลับไม่ได้รับน้ำใจนั้นกลับคืนมา เรื่องนี้ดูเผินๆ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันมีความหมายว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้มองเห็นความสำคัญในตัวคุณมากที่คุณคิด

6. เป็นนักกุเรื่องชีวิตไม่อยู่บนฐานความเป็นจริง

บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดเรื่องเทจเป็นกิจจะลักษณะ ไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อผู้อื่นไปแล้วฝ่ายตรงข้ามจะถูกคนในสังคมมองเช่นไร บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดจาบิดเบือนความจริง จนบางครั้งคุณก็น่าจะรู้สึกได้ด้วยตัวคุณเอง

7. เป็นมิจฉาชีพในรูปแบบคนรู้จัก

บุคคลประเภทนี้อาจเข้ามาทำความรู้จักกับคุณเพราะเขาต้องการบางอย่างจากคุณแบบไม่สุจริต เขาอาจเป็นมือขโมยในคราบของเพื่อน ไม่ว่าเป็นทรัพย์สินทางตัวหรือทางปัญหา หรือไม่ก็หลอกหาผลประโยชน์ด้วยวิธีแบบเดียวกับที่มิจฉาชีพเขาทำกัน สำหรับคนประเภทนี้แล้วเมื่อคุณต้องระวังตัวเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ามีคนประเภทนี้เข้ามาในชีวิตทางที่ดีแนะนำให้ตีตัวออกห่างไปยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

หากคนรอบข้างของคุณหรือขอให้ถือโอกาสนี้รวมไปให้ตัวคุณเองได้พิจารณาตัวเองมีลักษณะนิสัยข้อใดที่เป็นอยู่จงรู้ไว้ว่าเป็นนิสัยที่ไม่น่าคบหา หากเปลี่ยนได้ควรตั้งใจเปลี่ยนให้ดีตั้งแต่วันนี้ดีกว่า คุณต้องอย่าลืมว่าคนที่มีนิสัยดังกล่าวเหล่านี้นั้นจงเชื่อว่าล้วนจะไม่เป็นผลดีต่อตัวของบุคคลคนนั้นเอง บุคคลอื่นอาจจะรู้ไม่ถึงในครั้งแรกๆ แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่มี Common sense เป็นของตนเองที่จะรับรู้และพิจารณานิสัย ชีวิตของบุคคลเหล่านี้จะแสแสร้งหรือทำนิสัยด้านลบเหล่านี้ต่อคนอื่นได้กี่ครั้งกันเชียว

ขอขอบคุณ : นามบุญ , earnps จากพันทิป

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here