เจ้าของปั๊มขับเวฟไปกินเตี๋ยว เจ้าของร้านทองใส่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง

0

เจ้าของปั๊มขับเวฟไปกินเตี๋ยว เจ้าของร้านทองใส่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง

สำหรับในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้า ว่าจะเป็นลูกน้องก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาดูถูกกัน เพราะต่างคนนั้นก็ตามมีสิทธิเท่าเทียมกัน อย่าพยายามแบ่งแยกชนชั้น เพราะว่าชนชั้นไม่ได้แสดงถึงจิตใจที่คุณมี ไม่ได้แสดงถึงการที่คุณเป็นคนดี

อันนี้คือเรื่องจริง เจ้าของปั๊มน้ำมันขับมอเตอร์ไซค์เวฟไปกินก๋วยเตี๋ยวกับลูก

เจ้าของร้านทองใส่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง

กับบางคนนั้นทั้งหมดที่มีในชีวิต

คนเอานั้น ขนผูกทองไว้ที่แขน ไว้ที่ข้อมือ ที่คอกันหมด

เจ้าของโชว์รูมรถ ปั่นจักรยานไปกินโจ๊ก 5 กิโลและกลับอีก 5 กิโล

วันไหนฝนตกหน่อยก็ขับรถกระบะเก่าๆไปซื้อโจ๊กให้ภรรยากิน

คนบางคน

จะทำทุกวิถีทางให้รู้ว่าข้าจะต้องมีรถหรูหรา

บางคน…เห็นแดดร้อน จ้างมอร์ไซค์รับจ้างไปซื้อข้าวผัด

คนมีร้อยล้าน…

ตื่นตี 5 มาเปิดร้าน ทำงาน นอนอีกที 4-5 ทุ่ม

บางคนรายได้ 2-3 หมื่น ตื่น 8 โมงเลิก 4 โมงเย็นบอก…ลำบาก

เจ้ขายหมูบางคน ขายได้วันละล้าน

เก็บทุกบาทอย่างดี ใส่ตู้เซฟ รีบเอาเข้าแบงค์

คนบางคน มีไม่กี่แสน เอามาเรียงเอามาจัดภาพ

ถ่ายรูปโชว์ ลงโซเชี่ยล ให้โลกรู้ว่าข้ามีอย่างนั้น ข้ามีอย่างนี้

เฮียขายส่งอะไหล่รถ ทั่วอีสาน

มีหลายสิบล้าน กินข้าวแกงข้างบ้าน กับกาแฟ 7-11

ผู้จัดการบริษัทของอาเฮีย

กินกาแฟแก้วเกือบร้อย

เจ้าของร้านอาหารใหญ่

เอาข้าวเหลือกลับไปกินบ้าน

เด็กเสิร์ฟร้านเขา…เทกุ้งที่เป็นตัวๆที่ลูกค้ากินเหลือทิ้ง

หลังเลิกงานไปเช็คอินร้านเหล้า พร้อมถ่ายรูปโชว์

เศรษฐีร้านขายส่ง

ลูกทุกคนมีเงินเดือน จากการทำงานช่วยที่บ้าน

ถัดไปอีกซอย

ลูกเรียนกรุงเทพบ่นอยากได้โทรศัพท์ใหม่

รีบรูดบัตรซื้อให้ไวพอๆ กับ 4G

ร้านขายส่งปลาทะเลในตลาดแห่งนึง

ขายได้วันเป็นล้าน เจ้าของใส่เสื้อห่านคู่ตัวไม่ถึงร้อยมาแผง

ลูกน้อง…ใส่เสื้อแบรนด์ห้างราคาหลักพันมาทำงาน

ฟังจบ ผมคิดค้านว่า….

ความสุขคนเรามันไม่เหมือนกันปะว่ะ?

คนเราหาเงินมาแล้วไม่ใช้เพื่อให้ตัวเองมีความสุข

แล้วจะหาไปทำไม?

รวยแล้วจะใช้ชีวิตยังไง จะพูดไงก็ได้…..

เขาตอบผมว่า….

“คิดถูกแล้วที่บอกว่า รวยแล้วจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้แต่จนอยู่ยังลำบากอยู่จะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ ไม่ได้”

ผมจุก….เพราะมันจริง

ถ้ายังไม่รวย…ไม่มีสิทธิ์ใช้ชีวิตยังไงก็ได้!!!

เหนื่อยหรือยังชีวิต….เซินเจิ้น

ใช้ชีวิตบนความพอดี แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว

ความตื่นรู้อย่างพอดีในทุก ๆ ย่างก้าวของชีวิต จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คอยย้ำเตือนเราว่า เราใช้ชีวิตขาด ๆ เกิน ๆ หรือใช้ชีวิตอย่างพอดีในตอนนี้ ลองเอาคำถามนี้ไปถามตัวเองดูบ้างก็ดี เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ชีวิตเราเรื่อยเปื่อยเหลือเกินกับสิ่งล่อตาล่อใจที่มาไวไปไว แล้วเรายังต้องตะครุบให้ทันเหมือนเสือล่าเหยื่อ เราปล่อยความเรื่อยเปื่อยนี้ให้ใจมันไหลตามสิ่งพวกนั้น ภาวะความไม่พอดีจึงเกิดขึ้นในชีวิตและความทุกข์ก็ตามมาอย่างไม่ทันได้ถามเรา

หากเลือกที่จะเริ่มต้นอีกครั้ง ตบ ๆ ชีวิตให้เข้ารูปเข้ารอยเพื่อมุ่งไปสู่ความพอดีในระยะยาว ก็ควรต้องดึงสติกันมาใช้ให้ชีวิตมีเหตุมีผลบ้าง แล้วความสุขก็น่าจะเข้ามาเป็นจุดเริ่มต้นในทุก ๆ ก้าวที่คุณเลือกเดิน ก็เพราะว่ามันพอดี

ขอขอบคุณ : สิริทัศน์ สมเสงี่ยม

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here