วิธี “เลี้ยงปูนา” โกยรายได้เป็นล้าน จนกลายเป็นอาชีพหลักครอบครัว

0

วิธี “เลี้ยงปูนา” โกยรายได้เป็นล้าน จนกลายเป็นอาชีพหลักครอบครัว

ประเทศบ้านเราเป็นประเทศที่มีอิสระในการทำงาน และอาชีพที่อยู่คู่กับคนเรามานานนั่นก็คืออาชีพเกษตรกร อาชีพปลูกข้าว อาชีพชาวนา เพราะว่าพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของประเทศนั้นสามารถปลูกพืชเพื่อหาเลี้ยงชีพสร้างเป็นรายได้ดี  แต่คนในยุคปัจจุบันนี้ไม่ค่อยเล็งเห็นความสำคัญของอาชีพเหล่านี้กันมากนัก ในวันนี้เราจะมีบทความดีๆของคุณปานศิริ ปาดกุล ที่ได้มาบอกเล่าแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงปูนา ที่สามารถสร้างรายได้หลักล้าน มาดูกันเลยว่าเขามีวิธีการทำอย่างไร

เริ่มต้นจากทางผู้เป็นพ่อพลัดตกจากต้นไม้ไผ่ด้วยความสูงเกือบ 2 เมตรและแถมแม่ก็ป่วยทำให้ คุณปานศิริ ปาดกุล หรือตูมตาม ลูกชายคนเดียวของบ้านในวัยเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น ต้องกลายเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว เคยลำบากถึงขั้นไม่มีเงินซื้อข้าวสา รในราคากิโลกรัมละ 33 บาท และได้กู้หนี้ยืมสินจากหนี้นอกระบบ ต้องทำงานทุกอย่างหาเลี้ยงชีพแต่สุดท้ายก็มาจากทางหันมาเลี้ยงปูนา และทำการบังคับผสมพันธุ์ปีละ 3 ครั้ง เพื่อส่งขายตามร้านอาหาร บางเดือนนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ถึงหลักล้านบาทเลย

คุณปานศิริ ปาดกุล หรือตูมตาม ยังเล่าให้ฟังอีกว่าเส้นทางเศรษฐีของเขานั้นหลังจากที่เขาได้จบปริญญาตรีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ก็ได้เริ่มการทำงานแผนกบัญชีเป็นงานที่แรก โดยบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นได้ย้ายไปอยู่ที่โรงงานผลิตอะไหล่โทรศัพท์มือถือในจังหวัดปทุมธานี ทำงานประจำได้เกือบ 5 เดือน ก็ต้องลาออกเพราะเนื่องจากต้องกลับบ้านปดูพ่อที่พลัดตกจากต้นไม้ขาหักเดินไม่ได้ที่จังหวัดสิงห์บุรี

การทำงานประจำนั้นผมได้รับเงินเดือน 20,000 บาททำงานเกือบ 5 เดือนพอรู้ตัวว่าพ่อในวัย 60 ปีได้เกิดพลัดตกจากต้นไม้ด้วยความสูง 2 เมตรผมตัดสินใจทันทีที่จะลาออกแล้วกลับมาดูแลพร้อมกับแบ่งเบาภาระเพื่อช่วยเหลือท่านผมกลายเป็นเสาหลักของบ้านวิธีหารายได้เพียงคนเดียวแต่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องถึง 3 คน ในช่วงระยะแรกๆนั้นสามารถผ่านไปได้แต่นานเข้าเงินเก็บที่เริ่มมีก็เริ่มใช้ไม่พอ

คราวนี้ต้องไปกู้เงินทั้งในระบบและนอกระบบ ตูมตามบอกว่า เนื่องจากพ่อเดินไม่ได้ ต้องกินอาหารผ่านสายยางอยู่ 5 เดือน แม่ก็ป่วย ขณะที่ทั้งบ้านเหลือเงินเพียง 1,000 บาท เงินติดตัวเพียง 1,000 บาทสุดท้าย เด็กหนุ่มใช้วิธีนำไปลงทุนขายไก่ย่าง หมูปิ้ง เจ้าตัว บอกว่า ขายดี พอมีรายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัว ทว่าขายไปสักระยะเริ่มมีคู่แข่งมากขึ้น หนที่สุดจำต้องเลิกขาย แล้วหันมาใช้วิธีพรีออเดอร์สินค้า ผ่านเฟซบุ๊ก กินกำไรส่วนต่าง

“ผมเลิกขายหมูปิ้ง ไก่ย่าง แล้วหันมาใช้ประโยชน์จากเฟซบุ๊กด้วยการรับพรีออเดอร์สินค้าจำพวกผักสด ปลา เอากำไรกิโลกรัมละ 20 – 30 บาท” ตูมตาม บอกเส้นทางเศรษฐีว่า รายได้จากการพรีออเดอร์สินค้าจำพวกอาหารสดค่อนข้างดี มีเงินหมุนเวียนในครอบครัวแต่ละเดือนเป็นหมื่น แต่นานวันอยากหาความยั่งยืนให้กับชีวิต และแล้วจู่ๆ ก็คิดเลี้ยงปูนาขึ้นมา

“ในตลาดมีคนรับพรีออเดอร์สินค้ามากขึ้น ผมเลยคิดว่าอยากจะขยับขยายหาอาชีพอื่นที่มั่นคงกว่า ประกอบกับส่วนตัวชอบกินปูนามาก (ปูที่ใส่ส้มตำ) เคยไปหาตามท้องนา 5-6 ชั่วโมง ไม่สามารถหาได้ เลยเกิดความคิด จะเลี้ยงขาย” ด้วยความชอบกินปูนา ตูมตาม บอกว่า ใช้เงินเก็บที่มีอยู่จากการรับพรีออเดอร์สินค้า 2 หมื่นบาท ลงทุนเลี้ยงปูนาในบ่อปูน บนที่ดินที่มีอยู่ 1ไร่ 44 ตารางวา

สั่งปูนา คละไซซ์มาจากหลายจังหวัด ครั้งแรกราว 4 ตัน การเลี้ยงปูนาครั้งแรกของตูมตามนั้นไม่สำเร็จ เด็กหนุ่ม บอกเส้นทางเศรษฐีว่า แห้งหมดเลย 4 ตัน เนื่องจากว่าเลี้ยงในบ่อปูน ซึ่งมีความเย็น อีกทั้งใส่น้ำประปาลงไปอีกมีคลอรีน ปูนาปรับสภาพไม่ทัน หมดเกลี้ยง ด้วยความไม่ยอมแพ้ และกลับไปหาข้อมูลเพิ่มเติม คราวนี้ตูมตามสั่งปูนามาเลี้ยงอีกครั้ง

แต่เขาพัฒนาด้วยการเลือกซื้อพ่อแม่พันธุ์ปูนามาเลี้ยงแทนการซื้อตัวเล็ก เพราะปูนาตัวเล็กจะบอบบางง่ายกว่าพ่อแม่พันธุ์ ปัจจุบันเลี้ยงปู 2 สายพันธุ์ คือ ปูนาธรรมดา ตัวจะมีขนาดเล็ก และ ปูนาพันธุ์กำแพง ตัวใหญ่ รสชาติมัน สำหรับวิธีการเลี้ยง เจ้าของฟาร์ม บอกเส้นทางเศรษฐีว่า หลังจากได้ปูนาพ่อแม่พันธุ์มาแล้ว ให้เลี้ยงในบ่อดินเหนียว

ใส่น้ำให้ดินแฉะๆ สร้างบรรยากาศตามธรรมชาติ เลี้ยงต่อไป จนปูนาเริ่มกินอาหารได้เอง ประมาณ 5 วัน ค่อยย้ายไปอยู่บ่อปูน บ่อปูนที่ใช้เลี้ยงปู มี 70 บ่อ ขนาดบ่อละ 2×3 เมตร 1บ่อเลี้ยงปูได้ประมาณ 10,000 ตัว การให้อาหาร สำหรับพ่อแม่พันธุ์ เจ้าของฟาร์ม จะให้อาหารวันละ 2 มื้อ ช่วงเช้ามืด และช่วงค่ำ

เป็นอาหารปลาดุกเม็ดเล็กโปรตีน 32 หรือจะเสริมด้วยรำข้าวก็ได้ วางตามพื้นดิน เมื่ออาหารเม็ดโดนน้ำและดินก็จะละลาย ช่วงกลางคืนและช่วงเช้ามืด ปูนาจะออกมากิน ส่วนอาหารของลูกปูนาลงเดิน จนถึงอายุ 3 เดือน เป็นไข่แดงต้มสุก ให้อาหารวันละ 1 มื้อช่วงเช้า สำหรับเทคนิคบังคับผสมพันธุ์ปีละ 3 ครั้ง ตูมตามเผยว่า โดยปกติปูนาจะออกลูกเพียงปีละ 1 ครั้ง ช่วงประมาณต้นเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนแต่เพื่อให้มีปูจำหน่ายตลอดทั้งปี

ผมบังคับให้ปูผสมพันธุ์และออกลูกได้ปีละ 2-3 ครั้ง วิธีการคือ หลังจากปูนาออกลูกไปแล้วในช่วงฤดูฝน ให้ปล่อยดินแห้งแตกระแหง จากนั้นให้ฉีดน้ำเข้าไปเต็มที่ ทำให้ปูนาคิดว่าเข้าฤดูฝนอีกครั้งก็จะออกมาผสมพันธุ์กันเอง

ด้านการตลาด เด็กหนุ่มคนเมืองสิงห์ บอกเส้นทางเศรษฐีว่า ขายทั้งปูสด ปูดอง และนำปูมาแปรรูปเป็นน้ำพริกเผา กะปิปู ส่งขายร้านอาหาร บางเดือนสร้างรายได้หลักล้านบาท “ผมขายปูทั้งตัวเล็กที่ใช้ตำส้มตำกิโลกรัมละ 80-100 บาท ส่วนปูตัวใหญ่ที่กำลังลอกคราบ เรียกว่าปูนิ่มกิโลกรัมละ 1,200 บาท และก้ามปูกิโลกรัมละ 1,000 บาท ส่งตามร้านอาหาร ภัตตาคาร รวมถึงขายพ่อแม่พันธุ์ด้วยคู่ละ 100 บาท นอกจากนี้ยังมีการนำปูนามาเพิ่มมูลค่าเป็น ปูดอง กะปิปูนา น้ำพริกเผาปู”

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : DenverThaiTV

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here