อาหารที่ดีต่อสายตา ให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจน แถมดีต่อสุขภาพ

0

อาหารที่ดีต่อสายตา ให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจน แถมดีต่อสุขภาพ

การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือตาของเรา เพราะเอาไว้มองสิ่งต่างๆให้ใช้ชีวิตอย่างสะดวก และยิ่งในสังคมปัจจุบันนี้การดำเนินชีวิตของหลายคนจดจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะส่งผลทำให้สายตาของเราพร่ามัว หรือมีอาการฝ้าฟางไปบ้าง

สิ่งที่จะตามมาจากอาการตาฝ้าฟางเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ต้อกระจก มองเห็นภาพไม่ชัด ในการรักษานั้นเราจะต้องรู้สาเหตุที่แท้จริง ถึงจะรักษาได้อย่างตรงจุด และแน่นอนว่าในวันนี้เราได้มีอาหารที่จะช่วยดูแลในเรื่องของสายตาเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและดว งตาของทุกท่าน

ผักบุ้งและแครอท

ตอนเด็ กๆ หลายคนคงเคยถูกพ่อแม่บังคับให้กินผักบุ้งหรือแครอทเพื่อบำรุงสายตา เพราะพ่อแม่รู้ว่าอาหารเหล่านี้มีสา รอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อดว งตา แต่สำหรับพ่อ แม่ยุคปัจจุบันคงไม่ต้องบังคับให้เด็ กๆ กินแต่ผักบุ้งกับแครอทแล้วล่ะค่ะ เพราะอาหารที่บำรุงสายตานั้นไม่ได้มีแค่ผัก 2 ชนิดนี้

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบความเชื่อมโยงระหว่างสา รลูทีน ซีแซนทีน วิตามินซี วิตามินอิ สังกะสี และกรดไขมันโอเมก้า 3 ต่อการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมอง เห็น ทำให้มองเห็นภาพได้คมชัดขึ้น เห็นภาพชัดขึ้น ช่วยให้ตาแข็งแรง ปกป้องจอประสาทตาจากการถูกแสงแดดทำลาย ป้องกันประสาทตาเสื่อม บำรุงระบบการไหลเวียนของโลหิตและเส้นโลหิตฝอยที่มาเลี้ยงตา

ลูทีนและซีแซนทีน

เป็นสา รประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ ในร่างกายพบได้มากสุดที่บริเวณจุดศูนย์กลางของจอ ประสาท ตา มีหน้าที่ช่วยดูดซับแสงสี น้ำเงินจากหน้าอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนที่จะส่งผลเสียต่อดว งตา ลูซีนและซีแซนทีนพบได้ในอาหารที่มีสีเหลือง สีแดง เช่น ไข่แดง เก๋ากี๋ แครอท ข้าวโพด นอกจากนี้ยัง พบได้ในผักใบเขียว เช่น คะน้า กะหล่ำ ผักโขม ถั่วลันเตา ผักกาด บรอกโคลี

ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดปริมาณที่ควรได้รับของลูทีนและซีแซนทีน แต่ปริมาณที่ใช้ในงานวิจัยคือ ลูทีน 2.5-30 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนซีแซนทีน 0.4-2 มิลลิกรัม ต่อวัน

ซึ่งเราสามารถได้รับจากการรับประทานผักคะน้าสุกหรือปวยเล้ง 1 ทัพพีต่อวัน หากไม่สามารถรับประทานคะน้าหรือปวยเล้งได้เป็นประจำ อย่างน้อยขอให้รับประทาน 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโ ร คจอประสาทตา เสื่อมได้ประมาณ 50% และลดความเสี่ย ง โ ร คต้อกระจกได้ 20% เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานน้อยกว่า 1 ครั้งต่อเดือน

ต้านอนุมูลอิสระ

ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอิ พบได้ทั่วไปในผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช มันฝรั่ง ด้วยความที่เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยปกป้องเนื้อเยื่อดีของตาไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูล อิสระ ามารถชะลอการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก และป้องกันการสูญเสียความสามารถในการมองเห็น

สังกะสี

เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโมเลกุลเลยทีเดียว เพราะมีบทบาทสำคัญในการนำวิตามินเอจากตับไปยังเรตินาซึ่งทำหน้าที่เป็นจอรับภาพ เพื่อสร้างเม็ดสีเมลานิ นสำหรับช่วยปกป้องสายตา แหล่งอาหารที่มีสังกะสี ได้แก่ หอย อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ถั่ว เมล็ดฟักทอง เป็นต้น

กรดไขมันโอเมก้า 3

มีส่วนสำคัญต่อโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ ช่วยให้มองเห็นภาพได้ชัดเจน ช่วยในการทำงานของจอประสาทตา บรรเทาอาการตาแห้ง ป้องกันความเสียหายของจอ ประสาทตา กรดไขมันโอเมก้า 3 พบได้ทั่วไปในอาหารทะเล ปลาทะเลน้ำลึก ปลาน้ำจืด เมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น

ดังนั้นเราจะเห็นได้อาหารที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการบำรุงสุขภาพตาของเรานั้นคงจะหนีไม่พ้นอาหารที่เต็มไปด้วยผักและผลไม้สีเหลืองสีแดงสีเขียวรับประทานคู่กับเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำและเต็มไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และธาตุสังกะสี

แน่นอนว่านอกจากอาหารการกินที่ดีแล้ว เราควรปรับพฤติก ร ร มของตัวเราเอง หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาของเรามีอาการระคายเคืองจากแสงแดด ลมแรง หรือหมอกควันต่างๆ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่จ้องหน้าคอมพิวเตอร์ ไม่จ้องหน้าโทรศัพท์เป็นเวลานาน และหมั่นออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ

ขอบคุณข้อมูลจาก : อ.เอกหทัย แซ่เตีย – นักกำหนดอาหาร , healthtoday

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here