ขับรถอยู่ดีๆ เจอธุดงค์แท้ๆ เลยถามเรื่องผีไป ท่านตอบกลับมาตรงๆ

0

ขับรถอยู่ดีๆ เจอธุดงค์แท้ๆ เลยถามเรื่องผีไป ท่านตอบกลับมาตรงๆ

ขับรถอยู่ดีๆก็เห็นพระเดินอยู่ข้างทางรูปเดียว อากาศบ้านเราก็ร้อน ท่านเดินเหงื่อท่วม มองไปตอนแรกๆก็ไม่ได้เอะใจอะไร ขับผ่านไปแล้ว พอมาคิดดู ที่นั่งเราก็ว่างอยู่ เลยจอดรถรอท่าน แล้วท่านก็เดินมา เลยเปิดกระจกถาม

อาจารย์ จะไปไหนครับ?

..ไปทางอุบล

ไปกับผมไหมครับ? (ตอนแรกท่านก็อ้ำอึ้ง) เลยว่าไปกับผมก็ได้ครับ (เลยเปิดประตูรถให้ท่าน)

พอท่านขึ้นมาถึง ก็เลยถามท่านว่า “ทำไมไม่โบกรถครับ?”

..พระธุดงค์ไม่โบกรถ เดินไปอย่างนี้ล่ะ ตามเหตุตามปัจจัย ถ้ามีคนนิมนต์ขึ้นรถจึงไป ถ้าไม่มีคนนิมนต์ ก็เดินเอา (ไม่โบกรถ)

อาจารย์ ธุดงค์ไปเรื่อยๆ แบบนี้ นอนที่ไหนครับ?

..นอนตามป่า ตามต้นไม้ใหญ่ ตามป่าช้า ถ้าฝนตก ก็หานอนตามเถียงนา กระท่อม

อาจารย์ ธุดงค์ตามป่าเขา ต้องเจอผีแน่ๆ

..ท่านไม่พูด เรื่องนี้ โยมว่าผีเป็นตัวยังไง วิญญาณมันมีตัวไหม

มันก็เคยได้อ่านประวัติหลวงปู่ต่างๆนี่ล่ะครับ ว่าผีมาแบบนั้นแบบนี้

..ถ้าเราไม่เคยทำกรรมกับเขา เขาก็ไม่มาอะไรกับเรา

ถามไปเยอะอยู่ สรุปว่าท่านก็คักของท่านอยู่ พระธุดงค์แท้ๆเลย จากการตอบธรรม ออกมาเป็นธรรมหลายอย่าง

อาจารย์ เคยมีไหม เดินธุดงค์ไปแบบนี้ ไม่มีคนใส่บาตร เพราะเขาไม่รู้ว่ามีพระธุดงค์เดินผ่านทางมา

..ไม่เคย ไม่เคยมี ต้องมีคนใส่บาตร เหมือนโยมนี่แหละ ทำไมโยมจึงจอดรถให้อาตมา จอดรออาตมาล่ะ ทำไมไม่ขับผ่านไป ก็เหมือนกัน คนที่เคยเกื้อหนุนกันมาก่อน ก็ย่อมได้สงเคราะห์กัน เหมือนกับที่โยมจอดรถรออาตมานี้ เรื่องแบบนี้มันออกมาจากจิตใจ จิตของคนบุญ ก็น้อมนำไปแบบนี้ คนอื่นทำไมเขาไม่จอดล่ะ เห็นไหม ทำไมโยมถึงจอดรออาตมา

โยมคิดว่าเป็นเพราะอะไร

ชีวิตคนเรา ถ้าคิดอยู่แต่ว่า รถคันนี้สวย บ้านหลังนี้น่าอยู่ รูปอันนี้สวย มันก็ไม่มาเป็นแบบนี้ มันก็สละไม่ได้ ร่างกายมันก็เหมือนรถ รถมันไม่รู้จักอะไร เราขับพาไปไหนมันก็ไป ร่างกายนี้ก็จิตนี้ล่ะพาไป พาทำ ทำไมโยมจึงจอดรถรับอาตมา
นี่ล่ะ สิ่งเหล่านี้จิตมันพาทำ เข้าใจหรือยัง

เลยถาม &อาจารย์ ธุดงค์แบบนี้ต้องมีของดีแน่นอน?

..โอ้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รอด แม้พระอรหันต์ก็ยังต้องจากไป เลยไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้น….ใครจะหนีความเป็นไปได้พ้น พระว่าขลังขนาดไหนก็ยังลาโลก เกจิ นั่งรถไป เกิดอุบัติเหตุ พระจากไป 3 คนขับรอด เนื้อมันจะไปสู้เหล็กได้รึ เป็นไงล่ะ ลาโลกไหม?

ครับ

..นั่นล่ะ อยู่ไหนก็ไปหมด หนีไม่พ้นจากสิ่งเหล่านี้เลย นอกจากพระนิพพานแล้วเท่านั้น (แล้วท่านก็เล่าเรื่องกรรมให้ฟังอีกยาวเลย)

ฟังยาวเลย

สุดท้าย ท่านขอลงแถวๆ ป่า ก่อนเข้าเมือง ท่านว่า เข้าเมืองแล้วมันจะไม่มีป่าที่จะปักกลด

พอท่านลงรถ ท่านไม่ขอปัจจัยเลยนะ (สมัยก่อนเคยรับพระขึ้นรถ ลงรถแล้ว ขอปัจจัยค่ารถอีกก็เคยมี) แต่ท่านไม่ขอ ไม่รับ ว่าจะถวายท่าน มีเงินย่อยจากการเติมแก็สรถ ท่านไม่รับ ท่านเลยขอเป็นกาแฟ น้ำเปล่า เลยไปซื้อกาแฟ 2 กระป๋อง น้ำเปล่า 2 ขวด M150 2 ขวด ถวาย

อยากจะบอกว่า พระที่ท่านไม่โบกรถก็มีนะ

ถ้าให้ท่านโบกท่านจะไม่ยอมโบก แต่ถ้ามีคนนิมนต์ ท่านจึงจะขึ้น

ท่านจะเดินทางไปศรีสะเกษ เดินมาจากอำนาจเจริญโน่นเลย (เห็นว่าลงมาจากทางมุกดาหาร)

มาจากทางภูจ้อก้อ

ถ้าเห็นสมณะ ก็ให้บำรุงสมณะ ให้สมควรแก่กาลบ้าง เป็นบุญกับตนเอง

# ถามท่านเรื่องผีหลอก

ท่านกล่าวว่า สิ่งที่โยมเห็นสวยๆงามๆนั้น อันไหนมันหลอกมากกว่ากัน

ขอขอบคุณ : จิตหนึ่ง จิตหนึ่ง

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here