สำคัญมาก ไฟขึ้นบนหน้าปัด ผู้ใช้รถต้องรู้ อย่ามองข้าม

0

สำคัญมาก ไฟขึ้นบนหน้าปัด ผู้ใช้รถต้องรู้ อย่ามองข้าม

สำหรับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเชื่อว่าหลายๆคนคงจะละเลยกับสัญลักษณ์ไฟเตือนต่างๆที่มีอยู่บนหน้าปัดรถของเรานั้น บางทีมีสัญลักษณ์อะไรเตือนขึ้นมาเราเองยังไม่รู้ว่านั่นคืออะไร อาจจะส่งอันตรายต่อตัวของผู้ขับขี่หรือแม้แต่ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนคันอื่นๆรอบข้าง เราซึ่งในวันนี้เราได้มีความหมายของสัญลักษณ์ไฟเตือนบนรถของเราที่สำคัญในการขับรถมาบอกเพื่อนๆ เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้กันแน่นอน

สัญญาณไฟสีแดง หมายถึง ความอันตราย ที่ต้องหยุดใช้รถโดยทันที และให้เรารีบลงมาตรวจสอบความผิดปกติตามสัญญาลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นอยู่บนตัวรถ

สัญญาณไฟสีเหลือง หมายถึง การเตือน แต่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ต้องควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง

สัญญาณไฟสีเขียว หมายถึง ผู้ขับกำลังใช้งานอุปกรณ์ของรถยนต์ได้ตามปกติ ไม่เกิดเหตุใดๆที่มีความเสียหาย

สัญลักษณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบ่งบอกถึงอะไร

สัญลักษณ์รูปกรวยน้ำมีน้ำหยด

บ่งบอกว่าน้ำมันในเครื่องยนต์ของคนมีระดับที่ต่ำมากจากปกติจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ของคุณได้ หากจะต้องการใช้รถต่อไปอาจจะทำให้เครื่องยนต์ของคุณมีปัญหาในการขับขี่ หรือถ้าหากว่าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังมีอยู่ แต่สัญลักษณ์แสดงขึ้นมาถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าตัวปั๊มน้ำมันเครื่องอาจจะมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถทำการส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงในส่วนต่างๆในเครื่องยนต์ของรถยนต์ได้

สัญลักษณกลมๆ มีระบุว่า ABS ระบบเบรค ABS มีปัญหา

ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับอู่ทันทีครับ แต่ระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ เพียงแต่เมื่อมีการเบรกกะทันหัน ระบบ ABS อาจจะไม่ทำงานเท่านั้นเองครับ ( ABS คือระบบป้องกันไม่ให้ล้อล๊อกเวลาเบรคกระทันหัน จนรถเสียการทรงตัวไถลไปตามพื้นถนน )

ถุงลมนิรภัย

ถ้าสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นมาค้างหลังจากสตาร์ทเครื่องแล้ว ก็ต้องเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานได้เลยครับ เพราะ ถุงลมนิรภัยอาจจะไม่ทำงานเวลาฉุกเฉินได้

แบตเตอรี่

หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นการเตือนแบตเตอรี่เสื่อม แต่จริงๆแล้วหมายถึงการทำงานของไดร์ชาร์จมีความผิดปกติ ไม่จ่ายไฟเข้าไปเก็บที่แบตเตอรี่หรือไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์ เมื่อใช้ไปเรื่อยๆอาจทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรนไม่ทำงาน

สัญลักษณ์วงกลมแล้วมีเครื่องหมายตกใจตรงกลาง หรือ เบรค

สัญลักษณ์เบรกนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นใน 2 กรณีคือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด สัญลักษณ์นี้ก็จะติดขึ้นมา แต่ถ้าลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจสอบระบบเบรก ซึ่งอย่างแรกที่ต้องดูคือระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่แล้วสัญลักษณ์จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ แต่สำหรับบางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน โดยระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือ จะเป็นตัว P ให้ลองอ่านที่คู่มือประจำรถดูก่อนครับ

สัญลักษณ์รูปตู้จ่ายน้ำมัน

เมื่อแสดงมาเมื่อไหร่แสดงว่าน้ำมันในถังอยู่ในระดับต่ำแล้ว ให้เติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมด โดยส่วนใหญ่ที่พบ น้ำมันจะเหลืออยู่ในถังอีกประมาณ 10-15% ของความจุถังถึงจะเริ่มแสดงขึ้นมา โดยจะวิ่งต่อได้อีกประมาณ 40-100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่ว่าเป็นรถรุ่นไหนครับ

สัญลักษณ์รูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดๆอยู่ด้านล่าง

บ่งบอกว่ากรองน้ำมันมีปัญหา อาจเป็นเพราะกรองน้ำมันตัน หรือ มีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันมาก

สัญลักษณ์เครื่องยนต์

ถ้าไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นมาแล้วไม่ดับเมื่อไหร่ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้วครับ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบจักรวาลของเครื่องยนต์มากๆ เพราะตัวนี้ตัวเดียว อาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ, สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ฯลฯ ซึ่งถ้าไฟรูปเครื่องติด ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่ โดยเสียบอุปกรณ์กับช่อง OBD (On-Board Diagnostics) จะมีค่า Error แจ้งมา ก็จะรู้ได้ว่าเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติตรงไหนได้ครับ ซึ่งรถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป) จะล็อกความเร็วไว้ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ใช้งานนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที และป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิมครับ

เรียกได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรที่จะรู้เอาไว้กับความหมายของสัญญาณเตือนต่างๆที่เกิดขึ้นบนตัวรถของเรา ทำให้เรารับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขปัญหานั้นได้เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

ขอบคุณข้อมูลจาก : partiharn

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here