แนวคิดการใช้ชีวิตที่ดีของหนูดี วนิษา จากสาวไฮโซ สู่ชีวิตติดดิน
แนวคิดการใช้ชีวิตที่ดีของหนูดี วนิษา จากสาวไฮโซ สู่ชีวิตติดดิน
1. อยู่อย่างพอเพียง และเพียงพอ รู้จักพอในการใช้ชีวิตที่เป็นอยู่ หัดปลูกพืชผักสวนครัวไว้ทานเอง เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังส่งเสริมอาชีพเกษตรกรได้ดีอีกด้วย
2. ลองใช้ของธรรมดา ไม่ติดหรู ไม่ติดของแบรนด์เนม เคยเที่ยวเมืองนอกแล้วชอบซื้อของแบรนด์เนมทั้งหมด แต่ตอนนี้หยุดทั้งหมด เพราะคิดแล้วว่าของธรรมดาก็ใช้ได้เหมือนกัน เสียดายเงิน เสียดายทรัพยากรโลก
3. แต่งหน้าน้อยลงมาก เพราะรู้แล้วว่าการแต่งหน้าเยอะแล้วจะดูแก่ แถมยังประหยัดเงินในการซื้อเครื่องสำอางได้เยอะมากเลย
4. ไม่ออกงาน ที่ไม่สำคัญกับความสุขในระยะยาว เวลาเลิกงานมักให้ความสำคัญกับครอบครัว...
เมื่อคุณอายุ 30 ลองหันมาถามตัวเองว่า “ยังเสียเวลากับผู้ชายแบบนี้” อยู่หรือเปล่า
เมื่อคุณอายุ 30 ลองหันมาถามตัวเองว่า "ยังเสียเวลากับผู้ชายแบบนี้" อยู่หรือเปล่า
คนที่เข้ามาคบเพียงช่วงเวลาหนึ่งเพราะแค่ความเหงา
ชายหนุ่มคนนี้เขาอาจจะเข้ามาในชีวิตแค่เพียงช่วงเวลาหนึ่ง แล้วอยู่ดีๆเขาก็กลับหายไป เวลาที่เขาเข้ามาเขาก็มาทำดีกับเราทำเหมือนว่าเราเป็นคนสำคัญ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็หายไป ไม่คุยกันเหมือนแต่ก่อน คนแบบนี้ควรระวังไว้เพราะสิ่งที่เขาเข้ามาหาคุณนั้นอาจเป็นเพียงเพราะแค่ความเหงา อย่าทำตัวเองเหมือนคนไม่มีค่า
ผู้ชายที่หวังแต่เพียงแค่เรื่องบนเตียง
ผู้ชายประเภทนี้ผู้หญิงบางคนก็ดูไม่ออก เพราะความจริงที่เขาเข้ามาหาคุณ เขารักคุณหรือเพียงแค่อยากเรื่องบนเตียง ที่อยากจะครอบครองตัวคุณแค่ร่างกายแต่ไม่ใช่ความรักเลย คบกันไปก็จะมีแต่เรื่องไม่ดีเสียเวลาเลิกไปจะดีกว่า
ผู้ชายประเภทที่หวังเกาะกิน
ผู้ชายที่หวังเข้าหาผู้หญิงที่ให้ซื้อของ ให้เลี้ยงข้าว แต่ตัวเองกลับไม่ทำงานไม่หาเงินคุณต้องดูดีดีว่าแท้จริงแล้วเขาเข้ามาหาคุณนั้นเพราะความรักเพราะเงินในกระเป๋าตังค์ที่คุณมี
ผู้ชายที่ติดพนันและเล่นอบายมุขต่างๆ
ผู้ชายประเภทนี้อย่าไปเสียเวลาเลยค่ะเพราะคบกันไปมีแต่จะทำให้ชีวิตคุณแย่ลง จะทำให้ตัวคุณเองติดพนันไปกับเขาด้วย แย่ไปกว่านั้นอาจก่อหนี้สินชีวิตมีแต่จมลง การพนันเลิกได้แต่เลิกยาก ไม่ควรหลวมตัวเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า
ผู้ชายที่ไม่มีเป้าหมายใดใดในชีวิตเลย
อายุน้อยๆคบกันเป็นแฟนกันยังพอเข้าใจ แต่เมื่ออายุมากขึ้นเราต่างคนต่างมีเป้าหมายในการใช้ชีวิต หากยังใช้ชีวิตไปวันวันไม่ทำงานไม่หาเงินไม่มีเป้าหมายชีวิตคุณก็จะไร้เป้าหมายไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร หาแฟนหาคู่รักพี่ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกันสร้างชีวิตสร้างครอบครัวที่ดี...
4 วิธีรับมือเมื่อชีวิตเจอช่วงแย่ๆ
4 วิธีรับมือเมื่อชีวิตเจอช่วงแย่ๆ
พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งนั้นไม่เที่ยง มีเกิดก็ย่อมมีดับ ไม่เพียงแต่สิ่งที่มองเห็น แต่ยังรวมถึงสิ่งที่เราไม่สามารถจับต้องได้ เช่นในเรื่องของความคิดความอ่านของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืน
ชีวิตเราก็เช่นกัน ทุกวันนี้เราอาจจะสำเร็จในหน้าที่การงานการเงิน แต่เมื่อถึงยุคสมัยเปลี่ยน เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน บางทีเราถึงกับล้มละลาย ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว แล้วเราจะฝึกยอมรับความจริงตรงนี้ได้อย่างไรล่ะ เรามาดูวิธีรับมือเมื่อเจอกับสิ่งแย่ๆ
1. ต้องหัดยอมรับความจริง
สิ่งแรกที่เราจะต้องทำได้ก็คือการยอมรับความจริง ว่าชีวิตของเรานั้นมันไม่แน่นอน หนีจากความทุกข์ไม่ได้ ความสุขความทุกข์มักเป็นของคู่กันเสมอ ในเมื่อดีไม่ได้ เราก็เลือกที่จะยอมรับให้เรานั้น อยู่กับสิ่งเหล่านั้นให้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับจิตใจของตัวเราเอง
2. ยิ้มยอมรับให้กับตัวเอง
ต่อให้ตัวคุณเองนั้นไม่มีที่พึ่งพิงอิงอาศัย...
6 สัญญาณ สังเกตได้ง่ายๆว่าใครกะล่อน ขี้อิจฉา
6 สัญญาณ สังเกตได้ง่ายๆว่าใครกะล่อน ขี้อิจฉา
คุณเคยเจอประสบการณ์อะไรแย่ๆในชีวิต ที่เกี่ยวกับคนใกล้ตัวที่รู้ว่าเขากำลังอิจฉาตัวคุณอยู่หรือไม่ ด้วยเหตุผลเบื้องหลังความอิจฉานั้นก็คือความอยากได้อยากมีในสิ่งที่ตัวคุณมี แน่นอนว่าทุกคนย่อมเคยอิจฉา แต่บางช่วงชีวิต เราสามารถควบคุมอารมณ์ของเราได้ เราไปดูว่าแบบไหนกันที่เรียกว่ากำลังตกอยู่ในสภาวะขี้อิจฉา
1. ชอบลอกเลียนแบบ
คนที่ชอบเลียนแบบ เมื่อใครสักคนอยากเที่ยวอยากได้อยากมีในสิ่งที่คุณมี เขาจะทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งในเรื่องของความเป็นตัวของตัวเอง การแต่งตัว และการใช้พฤติกรรมที่เลียนแบบของตัวคุณ รวมถึงแนวคิดในการใช้ชีวิต ทั้งนี้คุณไม่ต้องไปหัวหิน ควรให้กำลังใจพวกเขา แล้วทำตัวของเราให้ดีที่สุดก็พอ
2. เสแสร้งด้วยความไม่จริงใจ
เรามักจะเจอกับคนที่ขี้อิจฉา เสแสร้งแกล้งทำในยามลับหลัง ต่อหน้าก็จะชื่นชมคุณเป็นอย่างดี ลับหลังก็จะเบะปากมองบน คนพวกนี้คบไปก็มีแต่ความ..หาย
3....
เพียงแค่เข้าใจที่จะใช้ชีวิต อยู่ที่ไหนก็มีความสุขใจได้
เพียงแค่เข้าใจที่จะใช้ชีวิต อยู่ที่ไหนก็มีความสุขใจได้
คนที่เข้าใจชีวิต เข้าใจถึงปัญหาต่างๆที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์อยู่ที่ไหนเราก็สุขใจได้ทั้งนั้น เพียงแค่เข้าใจสิ่งเหล่านี้
1. อย่าแข่งกับคนอื่นแต่จงแข่งกับตัวเอง ความคิดความสามารถของเราในแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ลองใช้ความสามารถของตัวเองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและตัวเองรัก จงมีความสุขกับสิ่งที่ทำ อย่าเอาชีวิตของเราไม่เปรียบเทียบกับใคร
2. ควรเข้าใจคนรอบข้างและสภาพแวดล้อมรอบข้าง จงเลือกอยู่ในสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์กับตัวเรา
3. ความอดทน เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิต ยังมีคนเก่งและคนฉลาดอีกมากมายที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะขาดความอดทนเพียงคำเดียว
4. การใช้ชีวิตและการเดินทางของชีวิตในแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังอยู่บนความไม่ประมาท อาจมีปัญหาต่างๆเข้ามา จงรับมือและก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้
5. โอกาส เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรคว้าเอาไว้ เมื่อเรามีโอกาสที่ดีเข้ามาเราควรทำมันให้ดีที่สุด
6. การมีชีวิตที่ดีสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพร่างกายของเราเอง
7. หากต้องการความสำเร็จ...
เราทุกคนต่างพบเจอกับ มรสุมชีวิต จงจำ 10 ข้อคิดเตือนใจนี้ไว้
เราทุกคนต่างพบเจอกับ มรสุมชีวิต จงจำ 10 ข้อคิดเตือนใจนี้ไว้
ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือปัญหาใหญ่ก็ตามเราทุกคนสามารถผ่านสิ่งเรานั้นไปได้ขอแค่มีสติและมีความคิดที่จะสู้กับมัน และจงรับรู้เอาไว้ว่าคุณไม่ได้มีปัญหาคนเดียวในโลกนี้ยังมีคนอีกหลายร้อยล้านคน ที่ยังประสบปัญหาแบบเดียวกัน
1. พยายามมองหาแต่สิ่งดีดีของในทุกวันแม้ว่ามันจะยากเพียงใดก็ตาม ไม่มีทางที่ไหนทุกๆวันจะมีแต่เรื่องสวยงามจะมีแต่เรื่องดีดีที่จะเข้ามาในชีวิตเรา แบบที่เราตั้งใจไว้ทั้งหมด หากวันใดที่เราเกิดอาการท้อหรือมีปัญหาใดใดเข้ามาจงใช้สิ่งเรานั้นเปลี่ยนแปลงตัวเราไปในทางที่ดีขึ้น
2. เรื่องบางเรื่องที่เข้ามาในชีวิตของเรา จะเป็นตัวนำพาไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ ให้เห็นถึงในทุกปัญหาช่วงเวลาอันเลวร้ายที่เข้ามาในชีวิต เมื่อเรารับรู้ว่ามีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่จงใช้ปัญหาเหล่านี้แก้ไข และเรียนรู้มุมมองใหม่ใหม่เพื่อสิ่งที่ดีกว่า
3. ชีวิตของเราจะมีความสวยงามได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเพอร์เฟคทุกเรื่องเสมอ สิ่งต่างๆที่มีความผิดพลาดที่ได้เข้ามาและมีส่วนเกี่ยวข้องกับในชีวิตของเรา ให้เราคิดไว้เสมอว่าสิ่งเรานั้นมีค่าสำหรับคุณ ยังมีคนรักยังมีครอบครัวและมีเพื่อนที่ยังรอช่วยเหลือคุณอยู่เสมอและเป็นกำลังใจที่ดีอยู่ตลอด
4. ในยามสุขจงยิ้มรับไหว และในยามทุกข์เราก็จงยิ้มรับไว้และก้าวต่อไป โลกของเรายังมีหลายสิ่งที่เข้ามาอย่างไม่แน่นอนเมื่อเรามีความสุขเราควรเต็มที่กับสิ่งนั้นอย่าคิดกังวลหรือพยายามเปลี่ยนแปลงอะไร แต่เมื่อเรามีความทุกข์เข้ามาในชีวิตเราก็ยิ้มรับและยอมรับสิ่งเรานั้นและผ่านปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้
5. ให้จำไว้เสมอว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน...
สักวันหนึ่งคนเราทุกคน ก็ต้องจากกัน อย่าทะเลาะกันให้บ่อยเลย
สักวันหนึ่งคนเราทุกคน ก็ต้องจากกัน อย่าทะเลาะกันให้บ่อยเลย
คนเราควรเข้าใจความเป็นไปในชีวิตให้มากขึ้นเพราะวันใดวันนึงของในชีวิตเรา สักวันนึงเราก็ต้องจากลากัน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตายคนเราทุกคนก็ยังจากกันเป็นเรื่องธรรมดา
1. ในบางครั้งคุณรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่ดีไม่มีค่า ไม่มีสิ่งดีดีเข้ามา แต่จริงๆแล้วบางทีตัวคุณเองต่างหากที่กำหนดให้มันเป็นแบบนั้น
2. หากคุณทำความผิดหรือหลงผิดในสิ่งต่างๆ จงรู้ไว้ว่าโอกาสมีให้สำหรับตัวเราเสมอ เพราะเราสามารถกำหนดเองและเลือกเองได้ นอกเสียจากคุณไม่เลือกทางที่ดีเท่านั้นเอง
3. เค้าว่ากันว่าอารมณ์มักอยู่เหนือกว่าเหตุผล บางครั้งที่เราทำผิดสาเหตุหลักอาจเป็นเพราะเราใช้แต่อารมณ์ในการตัดสินมากกว่าเหตุผล
4. เราไม่สามารถรู้เลยว่าชีวิตเราในแต่ละวันจะมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาเปลี่ยนสิ่งต่างๆได้เสมอ ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่เราควรใส่ชีวิตให้คุ้มค่ามีความสุขกับสิ่งที่ทำ
5. การที่เราคิดมากเลยเรามีความต้องวนในเรื่องต่างๆเราไม่ควรจมปลักอยู่กับสิ่งเรานั้นเพราะมันจะทำให้ตัวเราไม่มีความสุขไม่มีแรงในการทำสิ่งใหม่ที่ดีกว่า
6. ชีวิตของคนเราเปรียบเสมือนบทเพลงอันแสนไพเราะ แต่อยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะให้ใครเป็นผู้ขับร้องและร้องอยู่กับใคร
7. สิ่งที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของเรามีอยู่สองอย่างคือ การรอคอย และความลังเล
8. สิ่งที่ทำให้เราเสียใจมากที่สุดคือการไม่ได้รับรักตอบ
9. คุณควรเข้าใจคนในยุคปัจจุบันให้มากขึ้น...
ฝึกตนเองไว้ดีมากๆ 8 อย่างจะไม่เกิดทุกข์ มีวิธีดังนี้
ฝึกตนเองไว้ดีมากๆ 8 อย่างจะไม่เกิดทุกข์ มีวิธีดังนี้
การฝึกจิตใจตนเองให้มีจิตที่ไม่ฟุ้งซ่าน มีสตินึกคิดอยู่เสมอ เมื่อทำสิ่งเหล่านี้ได้จะเป็นผลดีต่อตัวเองไม่ให้เกิดความทุกข์ บทความนี้เป็นวิธีการฝึกตัวเราเองทั้ง 8 อย่าง มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
วิธีที่หนึ่ง เป็นการฝึกการมองตัวเราเองให้เล็ก ซึ่งมีความหมายว่า ให้มองว่าเราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่เหนือกว่าสิ่งอื่นๆ และคนอื่นๆ อย่าให้ความสำคัญกับตัวเราเอง ว่าคนอื่นจะต้องยกย่องเรา
วิธีที่สอง เป็นการฝึกให้ตัวเราเองไม่เป็นนักสะสม ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าจะสะสมสิ่งใดๆ แล้วก่อให้เกิดภาระ จากตัวเราเองหรือจากคนอื่น จงอย่าทำ (ยกเว้นการสะสมการทำความดี)
วิธีที่สาม...
เรื่องดีๆที่ควรอ่าน 7 ข้อคิดจากขงจื๊อ ไม่ควรขยันในเวลาที่ผิด
เรื่องดีๆที่ควรอ่าน 7 ข้อคิดจากขงจื๊อ ไม่ควรขยันในเวลาที่ผิด
ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้โดยที่ทุ่มเททั้งแรง ทั้งใจ และไม่มีใครตายได้เพราะการทำงานหนัก แต่เราไม่ควรขยันแบบวิธี “ขงจื๊อ” เคยกล่าวไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อนว่า
คนที่มีความฉลาด ควบคู่ไปกับความขยัน ควรส่งเสริมการทำงาน ให้งานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ
คนที่มีความฉลาด แต่ขี้เกลียด ควรให้เป็นคนวางแผนและเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง
คนที่มีความโง่ และขี้เกลียด ควรให้ทำงานตามที่เราสั่งก็พอ
แต่ถ้าเราเกิดไปเจอคนที่โง่ แถมยังขี้เกลียด ควรคิดให้ดีก่อนที่จะร่วมงาน เพราะจะพาให้งานของเราเสียไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฉลาดหรือเป็นคนโง่ การขยันแบบไม่รู้จักที่ไม่รู้จักเวลา ก็ย่อมทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์
ประการที่หนึ่ง
คนที่ขยันแต่ทำงานโดยไม่ใช้สมอง ได้งานแต่คุณภาพของงานแย่...
แม่ดีที่สุดในโลก! วันหนึ่งคุณ “กลายเป็นแม่” คุณจะเข้าใจลึกซึ้ง
แม่ดีที่สุดในโลก! วันหนึ่งคุณ "กลายเป็นแม่" คุณจะเข้าใจลึกซึ้ง
สำหรับความรักของแม่ อบอุ่นเหมือนดั่งแสงพระอาทิตย์ เป็นความรักที่คอยปกป้องดูแลเราจนเติบใหญ่จนทุกวันนี้ หนังการ์ตูนอนิเมชั่นที่จะทำให้คุณได้ย้อนกลับมาคิด ว่าตัวเองเราเป็นแบบนั้นหรือไม่ ดูจบแล้วก็อย่าลืมใช้เวลาอยู่กับคุณแม่ให้มากที่สุดนะคะ (มีคลิปให้ดูตอนท้ายค่ะ)
โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีสื่อต่างประเทศได้นำเสนอการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ดูการ์ตูนดังนี้เริ่มต้นด้วยภาพเด็กที่กำลังร้องไห้อยู่ตั้งแต่เล็ก ดูอยู่กับแม่เมื่อร้องไห้แม่ก็จะอยู่ข้างกายอยู่เสมอ
ตัวแม่เองนั้นเมื่อฉันเดินไปมาในสวน มือข้างหนึ่งประคองพร้อมกล่อมด้วยเสียงเพลง อีกมือหนึ่งคอยปลอบโยนด้วยความทะนุถนอม แล้วแม่ของฉันนั้นก็จะค่อยๆประคองฉันวางลงบนเตียงที่แสนอบอุ่น
เมื่อครั้งฉันโตขึ้นฉันเริ่มเรียนรู้ที่จะเดิน ทุกครั้งที่ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมาแม่ก็จะมองดูฉันอย่างเป็นห่วงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับพูดน้ำเสียงให้กำลังใจให้ฉันได้เดินหน้าต่อไป ฉันมักจะก้าวหน้าต่อไปโดยมีแม่อยู่ข้างๆ
ปีนั้นต้นไม้ในสวนของแม่กำลังออกลูกดก แม่อุ้มฉันให้สูงสูงแล้วขอให้ฉันได้เก็บและสอยผลไม้นั้นลงมา ตอนนั้นฉันก็เริ่มตัวหนักมากแล้วแต่แม่ก็ไม่ยอมแพ้ พยายามเขย่งปลายเท้าจนสุด จนในที่สุดก็ได้ผลไม้หวานกรอบมากินอยู่เป็นประจำ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้ว่าความพยายามมีรางวัลตอบแทนเสมอ
เมื่อฉันโตขึ้นมาฉันกลายเป็นคนที่ชอบเดินทาง ออกจากบ้านแต่เช้า...