“ดูแลพระในบ้านให้ดีนะโยม” อย่าให้ท่านต้องไม่สบายใจเลย

0

“ดูแลพระในบ้านให้ดีนะโยม” อย่าให้ท่านต้องไม่สบายใจเลย

พ่อแม่ของเรา เปรียบเสมือนพระในบ้าน เป็นบุคคลสำคัญที่เราต้องดูแล นั่นไม่ใช่หน้าที่หรือความรับผิดชอบ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราควรทำและต้องทำให้ดีที่สุดในชีวิตของเรา เปรียบเสมือนดั่งบทความนี้…

เรื่องราวมีอยู่ว่า มีคุณนายคนหนึ่ง จิตใจบุญสุนทานตักบาตรทุกเช้า ตักบาตรเสร็จก็แต่งสำรับกับข้าวอย่างบรรจงประณีต เพื่อเอาไปถวายท่านเจ้าประคุณสมเด็จผู้เป็นเจ้าอาวาส ด้วยความเคารพนับถือในจริยวัตรของท่านและชอบฟังท่านคุยเล่าเรื่องต่างๆ เรียกว่าตักบาตรเสร็จคุณนายต้องมาวัดทุกวัน ถวายอาหารเสร็จก็คุยกับพระสมเด็จ

วันหนึ่งหลังจากคุณนายกลับแล้ว พระหนุ่มรูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จเข้าไปกราบเรียนว่า คุณนายคนนี้ใจบุญสุนทานจริงๆ แต่เคยได้ยินว่าเป็นคนใจแคบ เหลือแม่อยู่คนเดียวกลับไม่เอาใจใส่ ไม่ดูแล ปล่อยให้อยู่ห้องแคบๆหลังบ้าน

ส่วนตัวเองและลูกๆ อยู่ตึกใหญ่โตสะดวกสบาย เวลาพูดจากับแม่ก็ฟังไม่ได้พูดไม่ดี พูดเสียงดังผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัดชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แม่จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้านก็ไม่ได้ ไม่ยอมให้ออก มีแม่แก่หลงๆ ลืมๆ อายคนอื่นเขา มีคนเขาเล่าให้ฟังหลายรายแล้ว เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้ สมเด็จนั่งฟังเฉยไม่พูดว่าอะไร

วันหนึ่งมีกิจนิมนต์ไปทำบุญบ้าน ขากลับเดินผ่ านหน้าบ้านคุณนายท่านก็แวะบ้านคุณนายก่อน คุณนายดีใจมากที่สมเด็จมาเยี่ยมถึงบ้านถือเป็นมงคลอย่างสูงที่พระขั้นสมเด็จมาเยี่ยมบ้าน จึงเรียกลูกหลานมากราบเท้าท่านเป็นการใหญ่ แล้วก็คุยกันเรื่องต่างๆมากมาย ในตอนหนึ่งสมเด็จท่านถามคุณนายว่า

“พระในบ้านมีไหม?”

“มีเจ้าค่ะ พระในบ้านมีหลายองค์เป็นพระเก่าๆ ทั้งนั้น สมัยสุโขทัยก็มีเชียงแสนก็มี อาราธนาท่านสมเด็จขึ้นไปดูข้างบน”

สมเด็จ ท่านเฉยแล้วถามต่อว่า “ได้ทราบข่าวว่าคุณนายมีแม่อีกคน เดี๋ยวนี้อยู่เสียที่ไหน?”

คุณนายสะอึกเสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ จะตอบตามตรงก็กลัวว่า สมเด็จจะเดินไปดูเห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่ แล้วท่านจะติเตียน อึกๆ อักๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า

“ตอนนี้ท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ ออกไปเยี่ยมญาติอีกนานจึงจะกลับ”

สมเด็จท่านนั่งนิ่งอยู่สักครู่แล้วจึงลากลับ

คุณนายก็ยังคงไปวัดเป็นปกติ วันหนึ่งสมเด็จท่านเห็นว่าวันนี้คุณนายยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาร่าเริงอารมณ์ดี หลังการทำบุญทำทาน สมเด็จจึงถามว่า

“พระในบ้านของโยมโยมดูแลเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

“เรียบร้อยเจ้าค่ะ ดิฉันจุดธูปเทียน ถวายอาหารบูชาเสร็จแล้วจึงมาที่วัด ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”

“อาตมาไม่ได้หมายถึงพระพุทธรูป…พระในบ้านที่อาตมาถามถึงนี่ เป็นพระที่ยังมีลมหายใจ คือแม่พระผู้มีพระคุณสูงสุดแก่โยม แม่ให้ชีวิตเรามาโดยเอาชีวิตตัวเอง เขาแลกเลี้ยงดูเรามาจนถึงทุกวันนี้”

แม่เหน็ดเหนื่อย แม่ทนหิวเพื่อให้ลูกอิ่ม แม่ทนหนาวเพื่อให้ลูกอุ่น แม่ไม่เคยนอนถ้าลูกของแม่ยังไม่หลับ เวลาลูกเจ็บร้องไห้ หัวใจแม่ก็เจ็บปวด และร้องไห้พร้อมกับลูกด้วย

แม่นึกเอาความเจ็บทั้งหมดของลูกมาไว้ที่แม่ถ้าทำได้ แม่ยอมทนเพื่อลูกได้พระคุณของแม่นี้ใหญ่เกินกว่าจะคณานับ เราต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างนะโยม เอาตาดู หูใส่ เอาใจใส่ท่านบ้าง

ไม่ใช่ปล่อยให้ท่านอด เจ็บไข้ไก็ดูแลท่านบ้าง อาตมาได้ข่าวว่า คุณโยมเหลือแม่อยู่คนเดียว และไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของท่าน ปล่อยให้อยู่ในห้องแคบๆ อดๆ ไม่เห็นใจท่านบ้างหรือโยม?

โยมจัดอาหารมาถวายพระได้ทุกวัน แต่พระในบ้านอีกองค์ โยมไม่เคยจัดให้ และตอนที่โยมจัดมาให้ อาตมาสังเกตดูโยมจัดมาให้อย่างดีประณีตบรรจง แต่ก่อนอาตมาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ฉันของโยมตามปกติ

แต่ตอนนี้บอกตรงๆ เลยว่า กลืนไม่ค่อยลงมาหลายวันแล้ว อาตมาเป็นพระในวัดไม่ควรเอาเปรียบพระในบ้านของโยมเกินไป ถ้าพระในบ้านยังอด พระในวัดก็กลืนไม่ลง การทำบุญให้ได้บุญมานะโยมเลี้ยงพ่อแม่ให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อนแล้วจึงถวายพระ”

คุณนายไม่พูดอะไร นั่งน้ำตาไหล….

ลูกๆทั้งหลาย ดูแลพระในบ้านดีแล้วหรือยัง ถ้ายังกลับเข้าบ้าน ดูแลท่านในวันนี้ไม่มีคำว่าสาย อย่าปล่อยให้เวลาเลยไป เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้ จงทำในวันที่ท่านยังอยู่เสียดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก : pigdaily

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here