หนุ่มมีอาชีพเป็นพ่อครัว ใส่ผ้ากันเปื้อนไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น หลังงานจบ..

0

หนุ่มมีอาชีพเป็นพ่อครัว ใส่ผ้ากันเปื้อนไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น หลังงานจบ..

เพื่อนร่วมรุ่นของฉันนั้นเป็นแค่พ่อครัว.

ทำไมเหตุใดงานเลี้ยงรุ่นจึงกลายเป็นหน้าที่อวดร่ำอวดรวย

หวาง เขามีอาชีพเป็นพ่อครัว ในครั้งหนึ่งเราเคยไปงานเลี้ยงรุ่น หลังจากที่จบไปนานพอสมควร หวางก็ยืนกรานว่าชาตินี้คงจะไม่ขอติดต่อคบค้าสมาคมกับเพื่อนร่วมรุ่นในครั้งนี้อีกแล้ว

โดยเรื่องนั้นมีอยู่ว่า งานเลี้ยงรุ่นที่เขาไปร่วมงานของเพื่อนสมัยมัธยมต้น จริงๆแล้วหวางก็เรียนถึงแค่ ม.ต้นเพียงเท่านั้น แล้วก็ต้องเลิกเรียนไปเพราะว่าฐานะทางบ้านยากจน หลังจากที่จบ ม.ต้น หวาง ก็เลยออกจากโรงเรียนและเริ่มทำงานเป็นพ่อครัวตั้งแต่ในตอนนั้นมา

เขาจดจ่อและรอคอยงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้มากๆ เพราะว่ามีเพื่อนหลายคนที่เขาคิดถึงและไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี
แต่บังเอิญประจวบเหมาะ สถานที่จัดเลี้ยงในงานก็คือโรงแรม 5 ดาว ที่หวางทำงานอยู่พอดีเลย พอใกล้ช่วงเวลาเที่ยง ทุกคนในรุ่นก็มากันเกือบครบ งานเลี้ยงก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ทุกคนนั้นต่างตื่นเต้นและพากันทักทายหลายคน ทั้งคนที่ไม่ได้เจอกัน5 ปีบ้าง 10 ปีบ้าง ต่างคนก็ต่างเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง เป็นเรื่องราวที่แยกย้ายกันไปและไปพบเจออะไรกันบ้าง

ในขณะเดียวกันเอง อาหารก็ค่อยๆทยอยออกมาเสิร์ฟจากห้องครัว ให้เหล่าเพื่อนๆในงานเลี้ยงรุ่น

พิธีของงานเริ่มขึ้น…คือ ให้เพื่อนนักเรียนในรุ่นได้ขึ้นมาทักทายและแนะนำตัวกับเพื่อนทุกคนหมุนเวียนกันไปจนครบ…

คนแรกที่ขึ้นไปพูดเป็นหัวหน้าห้อง…เขาบอกว่าตอนนี้ได้เป็น หัวหน้ากรมเมือง ที่หน่วยงานราชการในท้องที่แห่งหนึ่ง ขึ้นมาก็พูดจาวางมาดแบบข้าราชการผู้ใหญ่ เสมือนว่าเพื่อนๆที่นั่งฟังเป็นลูกน้องในกรมก็ไม่ปาน…

ก่อนพูดจบเขาฝากไว้กับทุกคน…ถ้าเพื่อนๆมีเหตุเดือดร้อนอะไรต้องการให้ช่วยบอกเขาได้เลย พร้อมจะช่วยเสมอ…พูดจบทุกคนปรบมือชอบใจใหญ่ เท่ห์จริงๆมีเพื่อนเป็นข้าราชการใหญ่โต

คนต่อไปที่ขึ้นพูด…เป็นเพื่อน นักธุรกิจ ระหว่างพูดก็พาดพิงถึงธุรกิจใหญ่ที่ตัวเองดูแลอยู่ คำสั่งซื้อหลายล้านของธุรกิจตัวเองบ้าง เหล่านาฬิกาหรูและของสะสมราคาแพงที่ตัวเองชอบบ้าง…

ก่อนพูดจบเขาฝากไว้กับทุกคน…ถ้าเพื่อนๆมีเหตุร้อนเงินขอให้บอก เขาพร้อมยื่นมือให้ช่วย พวกเราเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก คุยง่าย…พูดจบทุกคนปรบมือชอบใจใหญ่ เท่ห์จริงๆมีเพื่อนเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน

หลังจากนั้นก็ถึงคิวขึ้นกล่าวของเพื่อนอีกหลายๆคน…ทั้ง นายธนาคาร ผู้จัดการใหญ่ พนักงานระดับสูง ฯลฯ ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวทักทาย…

แต่ละคนก็พากันพรรณนาว่าช่วงนี้ตนเองทำอะไรอยู่ ได้ดิบได้ดีอย่างไร เห็นคุณค่าในมิตรภาพเพื่อนร่วมรุ่น และต่างคิดถึงช่วงเวลาที่เรียนร่วมกันขนาดไหน…

จนสุดท้ายเหลือเพียง หวาง ที่เพิ่งยุ่งในครัวเสร็จหลังจากอาหารจานสุดท้ายยกมาเสริฟ เขากระวีกระวาดขึ้นบนเวทีทันกล่าวทักทายกับทุกคนพอดี…

แต่เพราะรีบร้อนเลยไม่ทันเปลี่ยนชุด หวางออกมาพร้อมกับชุดพ่อครัวและผ้ากันเปื้อนเนื้อตัวมอมแมม

พอหวางขึ้นเวทีบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงเปลี่ยนเป็นความเงียบ เพื่อนๆหลายคนเห็นพ่อครัวเนื้อตัวมอมแมม ขึ้นเวทีก็กระซิบกระซาบ

หลายคนจำไม่ได้ว่านี้คือหวางเพื่อนร่วมรุ่นของตัวเอง เพื่อนผู้หญิงบางคนถึงกับกล่าวถากถางแกมตลก “เหม็นกลิ่นน้ำมันถึงนี่เลย ทำไมไม่อยู่ในครัวจนเลิกงานไปเลย”

พ่อครัวหวาง กล่าวสั้นๆ…“เราไม่ได้มีความสามารถเก่งกาจเหมือนเพื่อนๆนะ เราทำงานที่โรงแรมแห่งนี้…เราเป็นพ่อครัว อาหารวันนี้ที่ทุกคนทาน เรากับเพื่อนในครัวช่วยกันทำสุดฝีมือเลย หวังว่าคงถูกปากเพื่อนๆนะ”…เพียงเท่านี้ แล้วหวางก็ลงเวทีไป

ตอนที่หวางนั่งลงที่โต๊ะ…เขาบังเอิญได้ยินเพื่อนโต๊ะข้างๆนินทาเขาอยู่ “ไม่น่าเชื่อ คิดไม่ถึง เพื่อนร่วมชั้นเราจะมีที่ตกต่ำขนาดนี้ อย่าพูดออกไปนะ ขายหน้าคนอื่นเขา”

หวางทำเป็นไม่ได้ยิน พูดจายิ้มแย้มกับเพื่อนร่วมโต๊ะ และทักทายเพื่อนๆในงานตามประสาเพื่อนวัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันนาน…

ทุกคนในงานทานอาหารไป รินเหล้า ชนแก้ว สนทนา หัวเราะเฮฮากันอย่างออกรส…แต่…

ไม่มีใครมาขอหวางชนแก้วเลย และไม่มีใครตั้งใจคุยกับหวางด้วย ดูเหมือนว่าหวางเป็นเพียงคนเดียวในงานที่ถุกทอดทิ้งให้เงียบเหงา…เพียง เพราะเขาไม่ได้ดิบได้ดีแบบเพื่อนๆ…

จนเวลาใกล้ที่งานเลิก…ทุกคนต่างอิ่มหนำสำราญ บางคนก็เริ่มเมากริ่มๆ…บริกรเดินถือบิลเข้ามาเช็คบิลที่โต๊ะของเพื่อนที่เป็นเหรัญญิกรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้

แต่…เหรัญญิกเห็นบิลก็หน้าซีด เพราะค่าใช้จ่ายที่ออกมามันเกินงบที่เก็บมามาก..มากโข…เพราะที่นี่เป็นโรงแรมห้าดาวที่ดีที่สุดในมณฑลก็ว่าได้…ค่าใช้จ่ายรวมๆเกือบห้าหมื่นบาท

สายตาทุกคนเริ่มจับจ้องไปที่เพื่อนๆที่เป็นนักธุรกิจกับเถ้าแก่ใหญ่ เพราะเมื่อครู่หลายคนยังคุยโม้อยู่ว่ามีธุรกิจใหญ่โต ในวงสนทนาก็บอกตัวเองทำเงินได้เดือนละหลายล้าน

…แต่เพื่อนเหล่านั้นหน้าแดง หลายคนบอกเงินไม่ขาดมือหรอก…แต่ต้องผ่านการอนุมัติจากเมียก่อน…แล้วก็ นิ่งเงียบ

ส่วนหัวหน้าห้องที่เป็นหัวหน้ากรมก็ไม่พูดอะไร…ยังขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง…บอก งานราชการด่วนเข้า

หวางเห็นเพื่อนๆในห้องนิ่งกันนาน…นานมาก…แล้วหวางก็ลุกขึ้น ประกาศในห้องจัดเลี้ยง “ไม่เป็นไรเพื่อน มื้อนี้เราขอเลี้ยงนะ!!!”

สิ้นเสียงประกาศของหวาง เพื่อนๆหลายคนไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินกับหู…

แล้วบริกรก็เข้ามาหาหวาง แล้วโค้งคำนับ “รับทราบค่ะ ท่านประธานหวาง”…

ตอนนี้เอง ทุกคนถึงเพิ่งรู้…เพื่อนหวางที่ใส่ชุดพ่อครัวมอมแมมคนนี้ แท้จริงคือเถ้าแก่เจ้าของโรงแรมห้าดาวที่หรูที่สุดในมณฑลแห่งนี้!!!

หลายคนก็พูดติดตลกแก้เขินบอก “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่” “เพื่อนหวางนายนี่ก็ ถ่อมตัวจนดูไม่ออกเลย” “เพื่อน นายเป็นใหญ่ เป็นโตขนาดนี้อุบเงียบไว้เลยนะ”

…แล้วเพื่อนๆก็พากันกรูเข้ามาหาหวาง หวังจะตีสนิทด้วยก่อนเลิกงาน…

เวลานี้ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มตอนเริ่มงานของหวาง…เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง…เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง…

“ก่อนหน้านั้น ตอนเรากล่าวบนเวทีว่าอาหารกว่าสิบอย่างที่เพื่อนๆกินกันในงานวันนี้ เรากับเพื่อนพ่อครัวช่วยกันทำสุดฝีมือ ไม่เห็นมีใครขอบคุณเรากับเพื่อนเลย! เพราะเราเป็น…แค่…พ่อครัว ใชมั้ย?”

“พ่อครัวแบบเราเราอาจจะเนื้อตัวมอมแมม เสื้อติดกลิ่นน้ำมันไม่น่าเข้าใกล้นะ แต่ไม่ใช่เพราะพ่อครัวเนื้อตัวสกปรกแบบพวกเราเหรอ? พวกเธอถึงมี #อาหารเลิศรส ที่รังสรรค์อย่างปราณีตให้ทานกัน?”

“เรากับเพื่อนพ่อครัวหลายสิบชีวิตในครัว ยุ่งตัวเป็นเกลียวตั้งแต่เช้า หวังเพียงให้เพื่อนๆอย่างพวกเธอมีอาหารดัีๆทาน…แต่ไม่มีใครเห็นคุณค่าสิ่งที่เราทำเลย ซ้ำร้ายยังดูถูกเยาะเย้ยงานที่เราทำอีก”

“คนเรา…ต่อให้งานการใหญ่โต มีหน้ามีตาในสังคม แต่ถ้าความเคารพในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันยังไม่มี ก็เป็นแค่คนชั้นต่ำ…”

“พวกเธอทุกคน…ไม่คู่ควรจะมาทานอาหารที่โรงแรมนี้อีก โรงแรมของฉันไม่ต้อนรับพวกเธอ!!!”

หลังหวางพูดจบ ก็เดินจากไป…ทิ้งให้เพื่อนๆร่วมรุ่นวัยเด็กของเขาทั้งห้อง หน้าชา อยู่อย่างนั้น

…เป็นอันจบงานเลี้ยงรุ่น

ขอขอบคุณ : นิทานจีน

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here