ยืมเงินแล้วไม่คืนเขา ได้รับผลตามทัน คืนเขาเถอะบางทีคนให้ยืมก็ลำบาก

0

ยืมเงินแล้วไม่คืนเขา ได้รับผลตามทัน คืนเขาเถอะบางทีคนให้ยืมก็ลำบาก

ยืมเงินแล้วไม่คืน อาจจะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ลึกๆแล้วใครจะรู้ว่า ถ้าหากเราทำแบบนี้ เราทำเช่นนี้ไปตลอด ทำไปเรื่อยๆ ผลของคำว่าจะออกมาในรูปแบบประมาณไหน ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้

รูปแบบของกรรมนั้นจะแปรเปลี่ยนไปตามเจตนาของผู้ที่ทำ รวมทั้งความสามารถที่จะทำให้สำเร็จด้วยเจตนานั้นด้วย เช่น บางคนยืมเงินด้วยความตั้งใจคืน อาจมีข้อพันธสัญญาชัดเจนว่าจะคืนเมื่อใด จะให้ดอกเบี้ยหรือไม่ แล้วได้คืนตามนั้น พร้อมกับของแถมตามข้อตกลง ผลที่เกิดขึ้นตามมานั่นก็คือ จะได้ไมตรีจิต มีความผูกพันในทิศทางที่ดี มีความน่าเชื่อถือ ถือว่าเป็นบุญที่ได้โอกาส ฝ่ายรับได้บุญ ทำตามคำพูดแล้วมีความสุข มีความเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่

บางคนยืมด้วยการตั้งใจคืน เสร็จแล้วคืนไม่ได้ ชนิดสุดวิสัย อย่างนี้ไม่ได้ตั้งใจโกง ไม่ได้ผิดศีลข้อ ๒ แต่ผลที่ เกิดขึ้นทันทีในชาติปัจจุบัน คือ ความทรมานใจ การขาดความนับถือตัวเอง และการไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของคนอื่น ส่วนผลในชาติถัดไปก็พอสมน้ำสมเนื้อ เช่นที่ให้เงินใครยืมแล้วไม่ได้คืน เพราะเหตุสุดวิสัยของลูกหนี้ เป็นต้น

บางคนยืมด้วยความตั้งใจเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่ฟันธง ไม่แน่ใจว่าจะคืนเมื่อไร คิดเผื่อไว้แค่แผ่วๆ ว่า เดี๋ยวมีมากๆ ค่อยให้ แบบนี้เหมือนก้ำกึ่ง เพราะทำไปๆ มีสิทธิ์พลิกจาก ‘เดี๋ยวจะคืน’ เป็น ‘ไม่คืนดีกว่า’ เอาได้ง่ายๆ ถึงจุดหนึ่ง คนพวกนี้จะลืมความสัมพันธ์เก่าๆ หมด พอเห็นตัวเลขในบัญชีที่คืนได้ แต่เกิดความเสียดาย ความตระหนี่เข้า ครอบงำจิตใจ รู้สึกขึ้นมาว่าอยู่ในบัญชีตู แปลว่าเงินตู เรื่องอะไรจะให้มันหายไปอยู่ในมือคนอื่น ความสำคัญมั่น หมายว่า ‘ของตู’ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่นั่นแหละ คือมุกเด็ดที่กิเลสบงการให้ก่อบาปกันดื้อๆ ผลทันทีคือมีจิตอ่อนแอ คิดอะไรแบบเด็กๆ อยู่บนเส้นทางของคนเหลวไหล ข้างหน้าจึงสมควรกับชะตาที่ดูเหลวไหลไร้เหตุผล

วันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์ที่ยั่งยืน อีกวันกลับมลายหายไปราวกับความฝัน เป็นต้น บางคนยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก แต่มาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืน พร้อมดอกเบี้ยมหาศาลบานตะไท ที่มายืมตรงนี้ก็เพียงเพราะ อยากประชดแบงก์ที่กู้ยากกู้เย็นนัก อันนี้ผิดศีลข้อ ๒ เต็มๆ เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนา ถือเอาทรัพย์ ที่เจ้าของมิได้ยกให้ และการผิดแบบนี้แถมพกข้อ ๔ มาด้วย ฉะนั้น ในที่ที่ ก ร ร ม เผล็ดผล โทษสถานเบาในโลกมนุษย์ คือต้องเหมารวมทั้งผลของ การผิดข้อ ๒ และ ๔ รวมกันสองกระทง ผลของข้อ ๒ คือเป็นผู้มีทรัพย์พินาศ ผลของข้อ ๔ คือเป็นผู้ถูกหลอก ถูกใส่ร้าย พูดง่ายๆ ว่า มีสิทธิ์เสียทั้งทรัพย์ เสียทั้ง ชื่อเสียง ด้วยการถูกใส่ร้าย ใส่ไคล้ หรือถูกต้มตุ๋นได้สารพัด

แต่ข้อเท็จจริง เป็นเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัส คือ คนโกหกเป็นนิตย์ ที่จะทำชั่วอะไรไม่ได้นั้นไม่มี ยิ่งถ้ามาถึงขั้น โกหกเพื่อเชิดเงินคนอื่นได้ ทำให้เขาเดือดร้อนหน้าตาเฉยได้ ก็แปลว่าต้องทำบาปร้ายกาจได้หนักกว่านี้ไปเรื่อยๆ ฉะนั้น โทษทัณฑ์ที่แท้จริง ก่อนจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเป็นมนุษย์ จึงน่ากลัวกว่าที่เราเห็นๆ กันขณะเป็นมนุษย์ ในฐานะคนถูกโกง ก็ต้องระลึกด้วยว่า เกม ก ร ร ม ยังไม่จบ คนถูกโกงก็ต้องมี ก ร ร ม ในขั้นต่อไป เมื่อทวงแล้วไม่คืน เมื่อฟ้องแล้วไม่สำเร็จ (เพราะมักไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกัน) ที่สุดก็เหลือ ก ร ร ม ทางใจ จะคุมแค้น อยากลงมือแก้แค้นให้หายเจ็บใจ หรือจะเลือกเชื่อว่านี่เป็นโอกาสดี ชาตินี้ได้รู้จักศาสนาที่สอนเรื่องเหตุและผล ทำเหตุอย่างไรมา ก็ต้องได้ผลอย่างนั้นบ้าง

รู้แล้วเราจะเลือกต่อเวรหรือหยุดเวร ทางโลกเหมือนยกให้เขาได้เงินไปฟรีๆ แต่ทางธรรมคือยกหนี้ ก ร ร ม ให้เขารับไปแบกแทน ในเมื่อมีตัวแทนมารับช่วงถึงที่ เราสมควรแค้นเคืองหรือขอบ

ขอขอบคุณ : Dungtrin

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here