คนไหนที่กินอะโวคาโด รู้เอาไว้ส่งผลต่อร่างกายตรงๆ ของแพง
สำหรับสายรักสุขภาพแล้วอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ต้องรู้จักอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงแต่คุณประโยชน์นั้นคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน ลักษณะของอะโวคาโดนั้นจะมีผิวขรุขระ เปลือกหนาสีเขียวเข้ม แต่ถ้าสุกจัดเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงหรือดำ ส่วนเนื้อด้านในนั้นจะมีลักษณะเป็นครีม รสชาติคล้ายเนย ทำให้บางคนไม่ชอบทานเพราะไม่มีรสหวาน แต่รู้หรือไม่ว่าการทานอะโวคาโดนั้นมีประโยชน์อย่างมาก
1 ในอะโวคาโดนั้นมีกรดไขมันดี ชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในโลหิต และป้องกันโรคหัวใจได้
2 อะโวคาโดมีตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย
3 อะโวคาโดมีวิตามินอีช่วยบำรุงผิวพรรณและเป็นผลไม้ที่ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ
4 มีวิตามินซีซึ่งช่วยป้องกันหวัดได้
5 มีแคโรทีนอยด์ถึง 11 ชนิด ซึ่งพบมากในบริเวณเนื้อที่เป็นสีเขียวเข้มที่ติดกับใต้เปลือกเป็นต้น
6 มีวิตามินบี ป้องกันอาการเหน็บชา และปากนกกระจอกได้
7 มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา
8 มีโฟเลทและโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันโลหิต
9 มีโปรตีนสูงซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยในการขับถ่ายได้
10 แม้อะโวคาโดจะมีแคลอรีสูงแต่ก็อุดมไปด้วย DHAและไขมันดี (HDL)ในปริมาณที่สูงเช่นกัน
วิธีทำน้ำอะโวคาโด
วัตถุดิบ
1 ผลอะโวคาโดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
2 มะเขือเทศล้างสะอาด 1 ผล
3 น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
4 น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
5 น้ำเปล่า
6 น้ำแข็ง
7 เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีการทำ
1 นำอะโวคาโดและมะเขือเทศที่หั่นเตรียมไว้แล้วใส่ลงไปในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำ
2 หลังจากนั้นนำน้ำอะโวคาโด น้ำมะเขือเทศที่ได้มาเติมน้ำมะนาว น้ำผึ้ง เกลือป่น น้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนละลายเข้ากันจากนั้นนำใส่แก้วและน้ำแข็งดื่มได้เลย
วิธีเก็บอะโวคาโดไม่ให้ดำ
เนื้อของผลไม้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เกิดจาก ฟินอล ซึ่งส่วนประกอบที่อยู่ในอะโวคาโด เมื่อเจอกับอากาศจะกลายเป็นควิโนน และเมื่อควิโนนจับตัวกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น ก็จะเกิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน นั่นเอง ดังนั้นวิธีเก็บอะโวคาโดไม่ให้ดำคือ
1 บีบมะนาวให้เคลือบบนเนื้ออะโวคาโดจนทั่ว
2 นำไปใส่กล่อง หรือถุงเก็บสุญญากาศ แล้วแช่ตู้เย็น
เมื่อเห็นประโยชน์ของอะโวคาโดมากมายแบบนี้แล้วก็คงจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนรักสุขภาพถึงยอมซื้อมารับประทานแม้ว่าจะมีราคาสูง แต่ถึงแม้อะโวคาโดจะมีประโยชน์มากแค่ไหนแต่ก็เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงเช่นกันเพราะฉะนั้นแล้วไม่ควรทานเกินวันละ 1 ลูก
เรียบเรียงโดย : postsara
ขอขอบคุณ : sanook,medthai