สอนทำสูตรน้ำราดกล้วยปิ้ง ทำง่าย บอกหมดไม่กั๊กทุกขั้นตอน

0

สอนทำสูตรน้ำราดกล้วยปิ้ง ทำง่าย บอกหมดไม่กั๊กทุกขั้นตอน

กล้วยถูกนำมาใช้ทำเป็นของหวานหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกล้วยบวชชี กล้วยเชื่อม หรือกล้วยฉาบเป็นต้น และยังมีของหวานจากกล้วยอีกชนิดหนึ่งซึ่งวิธีในการทำนั้นแสนง่ายแต่รสชาตินั้นอร่อยไม่เป็นรองของหวานชนิดไหนเลยทีเดียว นั่นก็คือกล้วยปิ้งหรือบางคนอาจจะเรียกว่ากล้วยทุบก็ได้เช่นกัน ด้วยความหอมและหวานในตัวของกล้วยอยู่แล้วยิ่งราดด้วยน้ำกะทิยิ่งเป็นการเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก

วันนี้เราจึงได้นำสูตรการทำน้ำราดกล้วยปิ้งมาฝากด้วยกันถึง 2 สูตร หากว่าใครสนใจสูตรไหนก็นำไปลองทำตามกันดู

สูตรที่ 1 น้ำราดกะทิ

ส่วนประกอบ

1 น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ถ้วย

2 กะทิ 1 ถ้วย

3 เกลือ 1 หยิบมือ

4 เนยสด 2 ช้อนชา

วิธีทำ

1 เคี่ยวน้ำตาลปี๊บกับน้ำกะทิ 1 ส่วน จนน้ำตาลปี๊บละลาย

2 จากนั้นเติมเนยสดลงไปแล้วเคี่ยวต่อจนเข้ากัน

3 ใส่น้ำกะทิส่วนที่เหลือลงไปแล้วเคี่ยวต่อ เมื่อได้ที่แล้วยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็นแล้วนำไปราดบนกล้วยปิ้งได้เลย

สูตรที่ 2 ซอสมะพร้าวอ่อน ขอขอบคุณสูตรจากคุณ Rin s Cookbook(Rinscookbook)

ส่วนประกอบ

1 น้ำตาลปี๊บ 4 ออนซ์ (ประมาณ 113 กรัม)

2 น้ำตาลทรายขาว 2 ออนซ์ (ประมาณ 57 กรัม)

3 น้ำตาลทรายแดง 2 ออนซ์ (ประมาณ 57 กรัม)

4 เกลือ 1/2 ช้อนชา

5 หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง

6 เนื้อมะพร้าวสด 1/2 ถ้วยตวง

7 ใบเตย 2 ใบ

วิธีทำ

1 ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง เกลือ และหัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง ลงในหม้อและนำไปตั้งบนเตาโดยใช้ไฟอ่อนเคี่ยวประมาณ 20 นาที

2 จากนั้นใส่หัวกะทิที่เหลือลงไปคนให้เข้ากัน ใส่ใบเตยตามลงไป เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 10 นาที หรือจนน้ำกะทิเหนียวข้น

3 ขั้นตอนสุดท้ายใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปแล้วคนให้เข้ากันแล้วรอให้เดือดอีกรอบ ปิดไฟ พักทิ้งไว้เป็นอันใช้ได้

วิธีการทำกล้วยปิ้ง

1 ปอกเปลือกกล้วยหั่นเป็นแว่นหนาประมาณ 1 นิ้ว แล้วเสียบใส่ไม้หรือหากต้องการย่างทั้งลูกก็ได้เช่นกัน

2 ปิ้งกล้วยบนเตาถ่านโดยใช้ไฟอ่อนประมาณ 15 นาที ปิ้งจนกล้วยมีสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองด้าน

3 หลังจากปิ้งกล้วยจนได้ที่หาวัสดุมาทับกล้วยให้แบน

4 ใช้แปรงจุ่มซอสทาบนกล้วยให้ทั่ว หลังจากนั้นย่างด้วยไฟอ่อนอีกรอบประมาณ 5 นาที หรือด้านละประมาณ 5 นาที เท่านี้ก็จะได้กล้วยทุบแสนอร่อยแล้ว

สูตรที่เรานำมาฝากในวันนี้ใช้วิธีการที่ไม่ยากเลยทีเดียวหากว่าใครมีกล้วยเหลือเยอะแล้วไม่รู้จะทำอะไรลองทำตามสูตรกันดูหรือหากใครสนใจจะทำเป็นอาชีพเสริมก็ได้เช่นกัน

เรียบเรียงโดย : Postsara

ขอขอบคุณ : cooking kapook, food mthai

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here