สูตรการทำ “กล้วยดองน้ำผึ้ง” กินตามเวลาหายจากที่เป็นได้
ในสมัยก่อนนั้นจะใช้เป็นตัวยากล้วยดองน้ำผึ้งที่ใช้ในการดูแล และบำรุงร่างกายของเราให้มีความแข็งแรงห่ างไกลจากโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี
กล้วยน้ำว้า พริกไท ย ขิง น้ำผึ้ง สมุนไพรไท ยทั้ง 4 ชนิดนี้นำมาผสมรวมกัน ใช้เป็นยาอายุวัฒนะได้เป็นอย่างดี
เดิมทีมีเพียงกล้วยน้ำว้าสุกงอมผิวเปลือกเป็นดำๆ ยิ่งดี กับน้ำผึ้ง สมุนไพร 2 ชนิดนำมารวมกันดองทีใช้เวลาดอง 1 เดือน 3 เดือน จนถึง 1 ปี แล้วกรองน้ำมาดื่มก็เป็นยาอายุวัฒนะ เต๊ะปี๊บดัง สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี คงมีคนทำมากมายและกินเป็นประจำจนสุขภาพดีตลอด หรือบางคนกินแต่ไม่คุมอาหารก็จะทำให้สุขภาพแย่ และคงไม่ได้ผลดีเท่ากับผู้ที่ควบคุมอาหารที่เหมาะกับร่างกายของตัวเองและออกกำลังกายสม่ำเสมอ
กล้วยน้ำว้า ขิง พริกไท ย หาได้ง่ายในตลาด จะมีแต่น้ำผึ้งที่หายากในบางท้องที่ แต่บางบ้านก็มีเก็บไว้เสมอ คนอยู่ในเมืองก็หาได้ง่ายในร้านสะดวกซื้อ ก็พอทำได้ครั้งละน้อยๆ หมดก็ทำใหม่เพราะดองเพียง 3 วันก็เริ่มกินได้แล้ว
ขั้นตอนการทำ
1 ในขั้นตอนแรกให้เราเริ่มต้นด้วยการนำกล้วยน้ำว้าจะใช้สุกมากน้อยตามชอบนะคะ น้ำตาลจากกล้วยน้อย คือ สุกห่ าม
2 จากนั้นให้เรานำขิงใช้ขิงแก่จะเป็นตัวยาที่ดีกว่าขิงอ่อนค่ะ
3 พริกไท ยตามสูตรใส่กันประมาณ 100 เม็ด ตำให้ละเอิยดเพื่อได้ตัวยาออกมาละลายกับน้ำผึ้ง ใช้พริกไท ยเม็ดดำหรือขาวก็ได้ (พริกไท ยดำจะมีฤท ธิ์แรงกว่าพริกไท ยขาว)
4 น้ำผึ้งใหม่เก่าตามชอบหรือตามที่พอหามาทำได้นะคะ ดีทั้งนั้น
5 จากนั้นให้นำขิง พริกไท ยก้นโหลหรือคลุกไปกับกล้วยก่อนแล้วใส่โหลก็ตามสะดวกนะคะ ถึงเวลาที่เราจะกดไม่ให้ลอยก็จะลอยขึ้นมาบางส่วนมีพริกไท ยไม่ค่อยลอยตามกล้วย
6 การเทน้ำผึ้งเพื่อดองจะใส่ท่วมกล้วย หรือเกือบท่วมก็ได้นะคะ เมื่อเราเขย่าเบาๆ เพื่อให้น้ำผึ้งโดนกล้วยทุกวันๆ ก่อนที่กล้วยขิงจะจมลงก้นขวด
สงสัยไหมค่ะทำไมไม่ดองทั้งลูก เท่าที่ได้ชมอ่านที่มีเผยแพร่กัน การดองด้วยกัน 4 อย่างจะใส่ทั้งลูกมีที่ดอง 2 อย่าง กล้วยกับน้ำผึ้งที่มีหั่นเพราะถ้าดองนานก็ต้องกรองนำน้ำมาดื่ม ที่ทำแบบกล้วยหั่นเป็นชิ้นเพราะเห็นว่า จะตักกินง่ายไม่ต้องกัด หรือนำกล้วยออกมาตัดเป็นคำและน้ำสมุนไพรจะเข้ากล้วยได้ดีกว่าดองทั้งลูกค่ะ แล้วแต่ชอบว่าจะตัดก่อน หรือกัด ตัดทีหลังนะคะตามชอบได้เลย
น้ำผึ้งจะเจื่อจางไปกับสมุนไพร 3 อย่าง จะไม่หวานจัดเหมือนเทจากขวด การจะกินน้ำผึ้งที่ดองในขวดหรือไม่แล้วแต่นะคะ กินตามไปกับเนื้อกล้วยก็ได้ หรือชงด้วยน้ำอุ่นๆ หรือเย็นๆ ตามก็ได้
ในการกินอาหารสมุนไพรให้เป็นยานั้น ควรกินแต่พอดีกินทีละน้อย ไม่ต้องกินทีละครั้งมากๆ เพราะถ้าหากเรากินมากจนเกินไปจะเป็นโทษมากกว่าให้ผลดีต่อสุขภาพร่างกาย
ขอบคุณข้อมูลจาก : กานดา แสนมณี , kandanalike
