ผมมีภรรยาอยู่แล้ว แต่ไปชอบหญิงคนอื่น พ่อให้ผมไปขอเขาแต่งงาน
ในช่วงของกลางดึกคืนหนึ่ง ได้มีพระรูปหนึ่งกับผู้ชายคนหนึ่งสนทนากันอยู่ที่ข้างในวัด ผู้ชายคนนี้ร้องไห้มาแต่ไกล เดินตากแดดตากฝนเข้ามา แล้วก็มาพูดกับหลวงพ่อว่า
หลวงพ่อครับ ในตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว แต่ผมกลับไปตกหลุมรักผู้หญิงสาวคนหนึ่ง เป็นคนที่หน้าตาดี ขาว สวย ดูดีเลยล่ะครับ ผมจะต้องทำอย่างไรดี
หลวงพ่อก็ตอบกลับมาว่า โยมั่นใจหรือเปล่าว่า ผู้หญิงคนนี้จะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่โยมจะรักตลอดไป
เขาจึงตอบว่าเขาแน่ใจครับ แล้วหลวงพ่อก็พูดกลับมาว่า ถ้าโยมแน่ใจ งั้นโยมก็จะต้องไปหย่ากับภรรยาคนปัจจุบันที่โยมกำลังคบอยู่ แล้วก็ไปขอผู้หญิงคนใหม่แต่งงานซะนะ
เขาจึงพูด แต่ภรรยาคนปัจจุบันของผมเขาก็ดีกับผมเหมือนกัน เขาก็อบอุ่น ใจดี มีความดีไม่แพ้กันเลย ถ้าผมทำอย่างนี้มันจะไม่รู้สึกผิดใช่ไหมครับ ไร้ซึ่งคุณธรรมไปหรือเปล่าครับ
หลวงพ่อจึงตอบกลับมาว่า ในการใช้ชีวิตแต่งงาน ใครได้ตัดสินใจแต่งงานอยู่ร่วมกันแล้ว เขาก็คงคิดว่า ต้องการที่จะอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้โยมรักคนอื่นไปแล้ว ไม่ได้รักเขาแล้ว ทำอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ชายบางคน
ผมเลยพูดกลับไปว่า แต่ภรรยาของผมรักผมมาก เธอรักผมอย่างหมดใจ หลวงพ่อก็พูดว่า อย่างนั้นเขาก็คงมีความสุขละสิ
ผมก็เลยพูดกลับไป ผมจะหย่ากับเขาแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เธอจะต้องรู้สึกทุกข์ถูกไหมครับ แต่ทำไมหลวงพ่อถึงบอกกับผมว่าเธอจะมีความสุขล่ะ
หลวงพ่อก็พูดตามกลับมา พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ในการใช้ชีวิตแต่งงานเขามีความรักให้กับโยมอยู่ แต่ในตอนนี้โยมด้วยหมดสิ้นความรักต่อเขาไปหมดแล้ว ในความเป็นจริงการที่มีความสุข มันก็บ่นเรื่องทุกข์อยู่แล้ว ดังนั้นคนที่ทุกข์ก็คือโยมต่างหาก
ผมก็เลยพูดกลับไป หาหลวงพ่อว่า แต่ผมกำลังที่จะเป็นคนอย่ากับเขาเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่น เขากำลังจะเสียผมไป
หลวงพ่อก็บอกว่า ผิดแล้วโยม โยมเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเป็นแค่รูปธรรมทำการแสดงความรักอย่างหนึ่งในชีวิตแต่งงานเท่านั้น เมื่อรูปธรรมเหล่านี้หายไป ความรักแท้ของเขาก็จะเปลี่ยนไปอยู่ที่รูปธรรมอันอื่น ดังนั้นความรักแท้ในชีวิตการแต่งงานของเขาไม่เคยสูญเสียไป เขาก็เลยมีความสุข ส่วนโยมทุกข์
ผมพูดออกไปว่า เขาเคยมีชีวิตนี้เพื่อรักแต่ผมเท่านั้น เขาจะต้องไม่รักคนอื่นแน่ๆ หลวงพ่อก็เลยถามผมกลับมาว่า แล้วโยมล่ะเคยพูดประโยคนี้หรือไม่ ตัวผมเองก็ได้แต่อ่าปากค้าง แล้วก็พูดว่าเคย
หลวงพ่อก็เลยให้มองเทียนทั้ง 3 เล่ม แล้วก็บอกว่า โยมเห็นเทียนเล่มไหนสว่างที่สุด
ตัวผมเองก็บอกว่าผมนั้นแยกไม่ออก ดูเหมือนว่าจะสว่างเท่าๆกัน
หลวงพ่อพูดว่า เทียนทั้ง 3 เล่มนี้ก็เปรียบเสมือนผู้หญิง 3 คนหนึ่งในนั้นก็คือผู้หญิงที่โยมบอกว่าโยมรักที่สุด แต่โยมก็กลับหาเขาไม่เจอ โลกใบนี้มันกว้างใหญ่มหาศาลยิ่งนัก ผู้คนก็มีมากมาย ผู้หญิงก็มีนะเป็นร้อยล้านพันนับไม่ถ้วน แค่เทียน 3 เล่มโยมยังหาเล่มที่สว่างที่สุดไม่ได้เลย แล้วโยมจะมั่นใจได้ยังไงว่าเธอคนนี้จะเป็นคนที่โยมจะรักเป็นคนสุดท้าย
ผมได้แต่นั่งคุกเข่าฟังท่าน
หลวงพ่อในตอนนี้เดินไปหยิบเทียนมา 1 เล่มแล้วก็วางไว้ที่หน้าโยม แล้วก็ให้ใช้ใจมอง แล้วจะรู้เลยว่าเล่มไหนสว่างที่สุด
ผมรู้ทันทีเลยว่า เทียนเล่มที่สว่างที่สุด ก็คือเทียนที่อยู่ใกล้ผมมากที่สุดนั่นเอง
แล้วหลวงพ่อก็ให้ผมนำเทียนที่หยิบมาไปวางไว้ที่เดิม แล้วหลวงพ่อก็ถามว่าแล้วเล่มไหนในตอนนี้สว่างที่สุดล่ะ
ผมก็ยังดูไม่ออกว่าเล่นไหนสว่างที่สุด
ในความเป็นจริงแล้ว เทียนเล่มที่หยิบมาตรงหน้าก็คือผู้หญิงคนนั้นที่นิยมรัก เมื่ออยู่มหาเถรหมื่นมาวางไว้ตรงหน้า มันก็จะสว่างที่สุดสำหรับโยมในตอนนั้น อาจจะเพราะเป็นความลุ่มหลงในบางช่วงเวลา อาจจะเป็นเพราะภาพลวงตาที่ไม่มีจริง เอาเข้าจริงๆแล้ว สิ่งใดที่เรามีดีอยู่แล้วก็อย่าได้พยายามเสาะแสวงหาสิ่งอื่นมาทดแทน
โยมเข้าใจแล้วใช่ไหม งั้นโยมกลับบ้านไปเถอะ กลับไปหาเทียนเล่มที่สว่างที่สุด
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมควรที่จะรักใคร เขาคนนั้นก็คือภรรยาของผมนั้นเอง
เขียน / เรียบเรียงใหม่โดย : Postsara